< Back

7 Sensory Experience รวมเทคนิคสร้างอิเวนต์ให้ตราตรึงใจลูกค้า

AD
โดย:Jenosize.com
share18

7 Sensory Experience เทคนิคจัดอิเวนต์ให้ตรึงใจตั้งแต่ก้าวแรก


ในยุคที่ผู้คนเต็มใจจ่ายเพื่อประสบการณ์มากกว่าสินค้า งานอิเวนต์จึงไม่ใช่แค่กิจกรรมส่งเสริมการขายหรือพื้นที่ประชาสัมพันธ์แบรนด์อีกต่อไป แต่คือเครื่องมือสำคัญที่สามารถสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภคได้อย่างลึกซึ้ง ยิ่งอิเวนต์สามารถสร้างความประทับใจจนทำให้ผู้ร่วมงานรู้สึกว่า “ยังไม่อยากกลับบ้าน” ได้มากเท่าไร ก็ยิ่งสะท้อนถึงคุณภาพของประสบการณ์ที่แบรนด์มอบให้ได้ชัดเจนเท่านั้น


เบื้องหลังความสำเร็จเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เกิดจากการวางแผน การออกแบบ และการใส่ใจในรายละเอียดทุกจุดของ Event Experience ผ่านสิ่งที่เรียกว่า “Sensory Experience” มาดูกันว่าเราจะใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 7 นี้อย่างไรเพื่อให้ผู้เข้าร่วมรู้สึกประทับใจ จนอยากกลับมาหาแบรนด์คุณอีกครั้ง !



Sensory Experience คืออะไร ?


Sensory Experience คือ แนวคิดการออกแบบประสบการณ์ทางการตลาดที่มุ่งกระตุ้นประสาทสัมผัสของมนุษย์ ทั้งการมองเห็น (Sight) การได้ยิน (Sound) การดมกลิ่น (Smell) การลิ้มรส (Taste) การสัมผัส (Touch) ไปจนถึงมิติทางอารมณ์ (Emotion) และจิตวิญญาณ (Spirit) ซึ่งรวมกันแล้วช่วยให้ผู้บริโภคเกิดความรู้สึกมีส่วนร่วมอย่างลึกซึ้งกับแบรนด์


แบรนด์ที่สามารถสร้าง Sensory Experience ได้ดี มักจะตราตรึงอยู่ในความทรงจำของผู้คน เพราะประสบการณ์เหล่านี้จะไม่ใช่แค่การ “รับรู้” แต่คือ “ความรู้สึก” และ “ผูกพัน” จนอยากกลับมาอีกครั้ง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการสร้าง Brand Loyalty และ Word of Mouth ในระยะยาว

 

7 เทคนิคออกแบบ Event Experience ให้ตราตรึงใจ ผ่าน Sensory Experience


1. กระตุ้นการมองเห็น (Sight)

“ดึงดูดตั้งแต่แรกเห็น ด้วยดิไซน์ที่สะท้อนตัวตนของแบรนด์”

รูปลักษณ์ภายนอกของงานอิเวนต์ คือประตูบานแรกที่จะนำพาผู้บริโภคเข้าสู่โลกของแบรนด์ ดังนั้น การออกแบบพื้นที่ แสง สี โลโก้ ไปจนถึงองค์ประกอบต่าง ๆ บนเวทีจึงควรสะท้อนภาพลักษณ์ของแบรนด์ได้อย่างชัดเจน เช่น การใช้โทนสีที่สอดคล้องกับ CI ของแบรนด์ การจัดแสงให้เหมาะกับช่วงเวลาและอารมณ์ของงาน หรือการสร้างจุดถ่ายรูป (Photo Spot) เพื่อกระตุ้นให้เกิดการแชร์บนโซเชียลมีเดีย สร้างการรับรู้แบบออร์แกนิก


2. สร้างประสบการณ์รสชาติ (Taste)

“เพราะรสชาติที่ดี คือสิ่งที่ตราตรึงใจยิ่งกว่าคำพูด”

อาหารและเครื่องดื่มในอิเวนต์ไม่เพียงแค่ช่วยเติมเต็มพลังงานระหว่างงานเท่านั้น แต่ยังสามารถเป็นส่วนหนึ่งของการเล่าเรื่องได้อีกด้วย เช่น การคัดสรรเมนูที่มีสีสันและรสชาติสอดคล้องกับธีมงาน การเลือกอาหารท้องถิ่นเพื่อสร้างบรรยากาศเฉพาะถิ่น หรือแม้แต่การออกแบบขนมและเครื่องดื่มให้เป็น Signature ของแบรนด์ เพื่อให้ทุกคำที่ลิ้มรสกลายเป็นอีกหนึ่งช่องทางของการสื่อสาร


3. จับใจลูกค้าด้วยกลิ่นหอม (Smell)

“กลิ่นคือสัญลักษณ์แห่งความทรงจำที่ไม่จางหาย”

กลิ่นมีอิทธิพลต่อความรู้สึกและความทรงจำมากกว่าที่หลายคนคิด โดยกลิ่นหอมที่อบอวลในพื้นที่งานอิเวนต์สามารถสร้างอารมณ์ผ่อนคลาย สร้างความรู้สึกหรูหรา หรือกระตุ้นความสดชื่นได้อย่างน่าอัศจรรย์ การเลือกกลิ่นจึงควรคำนึงถึงทั้งธีมของงานและภาพจำของแบรนด์ เช่น กลิ่นลาเวนเดอร์ในงานแนว Wellness หรือกลิ่น Citrus ในงานที่ต้องการความกระปรี้กระเปร่า


4. เติมความมีชีวิตชีวาด้วยเสียง (Sound)

“เสียงที่ใช่ สร้างบรรยากาศที่น่าจดจำ”

เสียงดนตรี เสียงประกอบ ไปจนถึงเสียงพูดคุยของผู้คนในงาน ล้วนเป็นองค์ประกอบที่สร้างบรรยากาศให้กับงานอย่างมีพลัง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกเพลย์ลิสต์ที่ตรงกับธีม การใช้เสียงธรรมชาติอย่างเสียงน้ำไหลหรือเสียงนกร้องในโซนรีแล็กซ์ หรือแม้แต่การออกแบบเสียงประกอบช่วงเปิดตัวผลิตภัณฑ์ ก็ล้วนมีส่วนในการสร้าง Sensory Experience ที่สมบูรณ์


5. ปลุกความรู้สึกด้วยสัมผัส (Touch)

“ประสบการณ์ที่จับต้องได้ คือสิ่งที่ผู้มีส่วนร่วมจะจดจำไปตลอด”

การสัมผัสเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ช่วยเสริมความรู้สึกจริงให้กับแบรนด์ เช่น การใช้วัสดุตกแต่งที่มีผิวสัมผัสน่าสนใจ การมีกิจกรรมให้ทดลองผลิตภัณฑ์ หรือการแจกของที่ระลึกที่มีดิไซน์เฉพาะตัว การสร้างโซน DIY หรือ Workshop ที่เปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานได้ลงมือทำเอง ก็ช่วยเพิ่มความผูกพันระหว่างแบรนด์กับลูกค้าได้อย่างแนบเนียนเช่นกัน


6. สร้างจุดสัมผัสทางอารมณ์ (Emotion)

“เมื่อหัวใจรู้สึก แบรนด์จะอยู่ในความทรงจำเสมอ”

การสร้างประสบการณ์ที่มีพลังไม่อาจเกิดขึ้นได้หากขาดการเชื่อมโยงทางอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้คนในงานได้แชร์เรื่องราวของตนเอง การออกแบบเนื้อหาที่มีพลังบวก หรือแม้แต่การใช้เรื่องราวของแบรนด์ในการเล่าผ่านภาพยนตร์สั้น ล้วนช่วยปลุกอารมณ์ เช่น ความซาบซึ้ง ความภูมิใจ หรือแรงบันดาลใจ และเปลี่ยนผู้ร่วมงานให้กลายเป็นผู้สนับสนุนแบรนด์ตัวจริง


7. เติมความหมายด้วยจิตวิญญาณ (Spirit)

“เพราะแบรนด์ที่มีคุณค่า จะตราตรึงใจได้ลึกซึ้งกว่า”

สุดท้าย คือ การออกแบบประสบการณ์ที่ไม่ได้หยุดแค่ความสวยงาม แต่สะท้อนคุณค่าและพันธกิจของแบรนด์อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นการจัดกิจกรรมเพื่อสังคมภายในงาน การเชื่อมโยงกับประเด็นที่มีผลกระทบต่อสังคมหรือสิ่งแวดล้อม หรือการสร้างพื้นที่ให้คนได้พูดถึงความฝันและความเชื่อร่วมกัน เพื่อให้ทุกช่วงเวลาของงานมี “ความหมาย” มากกว่าแค่ “ความสนุก”



Case Study : แบรนด์ที่ประสบความสำเร็จในการจัดอิเวนต์เพื่อมัดใจกลุ่มเป้าหมาย


การประยุกต์ใช้แนวคิด Sensory Experience ในการออกแบบงานอิเวนต์ ไม่เพียงแค่สร้างความประทับใจในช่วงเวลาสั้น ๆ แต่ยังสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภค กระตุ้นยอดขาย และสร้างการจดจำแบรนด์ในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังเช่นสองกรณีศึกษาต่อไปนี้


Traveloka ปลุกพลังนักเดินทางด้วยอิเวนต์ภายใต้ข้อจำกัดด้านพื้นที่

เมื่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด-19 Traveloka แพลตฟอร์มด้านการท่องเที่ยวระดับภูมิภาค ต้องการกระตุ้นนักเดินทางให้กลับมาจับจ่ายและใช้บริการอีกครั้ง โดยร่วมมือกับเจโนไซส์ในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ณ ห้างสรรพสินค้าใจกลางกรุงเทพฯ แม้พื้นที่ของบูธจะมีขนาดเพียง 30 ตารางเมตร และตั้งอยู่ในจุดที่สัญจรแคบ แต่การออกแบบกิจกรรม เช่น เล่นเกม แจกโคดส่วนลด ถ่ายภาพร่วมกับเซเลบริตี กลับสามารถสร้างปรากฏการณ์ที่น่าประทับใจ


ผลลัพธ์
  • ผู้ร่วมงานเฉลี่ยมากกว่า 200 คน/วัน ตลอด 3 วันของการออกบูท
  • สร้างการจดจำแบรนด์ Traveloka ได้ในวงกว้าง และกระตุ้นให้เกิดการ Redeem ดีลท่องเที่ยวออนไลน์ในช่วงเวลานั้นอย่างมีนัยสำคัญ


MRT Purple Line สร้างภาพจำใหม่ให้รถไฟฟ้าสายสีม่วง

ในช่วงเปิดให้บริการใหม่ของรถไฟฟ้าสายสีม่วง MRT ต้องการสร้าง Brand Perception เชิงบวก เพื่อให้ผู้โดยสารทดลองใช้บริการและเกิดความรู้สึกดีในระยะยาว แม้จะมีความกังวลเกี่ยวกับราคาค่าโดยสารในช่วงแรก แต่การสร้างอิเวนต์เชิงประสบการณ์ทั้งในโลกออนไลน์และออฟไลน์ ก็สามารถเปลี่ยนความรู้สึกของผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ


ผลลัพธ์
  • MRT สายสีม่วงได้รับภาพจำในฐานะ “ของขวัญปีใหม่แก่ผู้โดยสาร”
  • จำนวนผู้ใช้งานเติบโตมากถึง 70% ภายในช่วงเวลาแคมเปญ
  • ผู้โดยสารเริ่มมองเห็นถึงความคุ้มค่าและคุณภาพของบริการในระยะยาว

 

เพราะเราอยู่ในโลกที่แบรนด์แข่งขันกันด้วยประสบการณ์มากกว่าคำโฆษณา การจัดอิเวนต์ให้คนรู้สึก “ไม่อยากกลับบ้าน” จึงถือเป็นการสร้างคุณค่าที่สัมผัสได้จริง เทคนิคทั้ง 7 ข้อที่กล่าวมา ไม่เพียงช่วยให้ผู้ร่วมงานรู้สึกดีกับสิ่งที่แบรนด์นำเสนอ แต่ยังเป็นการปลูกความรู้สึกผูกพันในระยะยาวอีกด้วย


หากธุรกิจของคุณกำลังมองหาบริษัทรับจัดงานอิเวนต์ที่เข้าใจกลยุทธ์เชิงประสบการณ์ และสามารถดึงดูดกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแท้จริง เจโนไซส์ พร้อมเป็นพาร์ตเนอร์ที่ออกแบบทุกสัมผัสให้ตรงใจ ด้วยแนวคิดสร้างสรรค์และประสบการณ์ระดับมืออาชีพในทุกอุตสาหกรรม กรอกฟอร์มเพื่อติดต่อเราได้เลยวันนี้ที่หน้าเว็บไซต์

Loading...

ร่วมเปิดกล่องโอกาส
แห่งอนาคตด้วยกัน

Contact

Brief Us

ง่ายและรวดเร็ว
เราจะติดต่อกลับภายใน 24 ชั่วโมง

facebook chat

คุยกับทีมฝ่ายขาย

ให้บริการ จันทร์ถึงศุกร์
9:00 น. - 19:00 น.

mobile

โทรติดต่อฝ่ายขาย

ให้บริการ จันทร์ถึงศุกร์
9:00 น. - 19:00 น.