< Back

ตอบครบทุกแพลตฟอร์ม คอนเทนต์แบบไหนที่ AI ชอบดันขึ้นฟีด ?

AD
โดย:Jenosize.com
share117

AI ดันคอนเทนต์อะไร ? คู่มือสร้างคอนเทนต์ติดฟีดทุกแพลตฟอร์ม


เมื่อพูดถึงอัลกอริทึมโซเชียลมีเดีย นักการตลาดและคอนเทนต์ครีเอเตอร์หลายคนย่อมรู้อยู่แล้วว่าสิ่งนี้ทำหน้าที่เป็น “ด่านหน้า” คัดเลือกสิ่งที่ผู้ใช้แต่ละคนจะเห็นบนหน้าฟีด การสร้างคอนเทนต์ที่ตรงกับความชอบของ AI Algorithm จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดว่าแบรนด์หรือธุรกิจจะสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากน้อยเพียงใด ดังนั้น คำตอบที่คุณต้องรู้คือ คอนเทนต์ที่ AI ชอบมีลักษณะอย่างไร และต้องทำแบบไหนเพื่อให้ AI ดันคอนเทนต์ขึ้นไปอยู่บนหน้าฟีดของผู้บริโภคก่อนคู่แข่งให้ได้



ทำไมต้องรู้ว่า AI ชอบคอนเทนต์แบบไหน ?


AI Algorithm ของแต่ละแพลตฟอร์มได้รับการออกแบบมาเพื่อรักษาผู้ใช้งานให้อยู่บนระบบนานที่สุด ดังนั้น คอนเทนต์ติดฟีดมักจะเป็นคอนเทนต์ที่ AI ประเมินแล้วว่าสามารถดึงดูดจำนวนผู้ชมได้สูงกว่าคอนเทนต์ทั่วไป โดยมี 3 ปัจจัยหลักที่ใช้ตัดสิน ได้แก่


  • Retention (การดูจนจบ) แสดงให้เห็นว่าคอนเทนต์นั้นมอบคุณค่าอะไรบางอย่างแก่ผู้ชมได้จริง
  • Engagement (การมีปฏิสัมพันธ์) ไม่ว่าจะเป็นการกดไลก์ คอมเมนต์ แชร์ หรือแม้แต่การกดเซฟ ล้วนนับเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับ AI
  • Virality (การส่งต่อ) ยิ่งคอนเทนต์ถูกแชร์ออกไปมากเท่าไร โอกาสในการเข้าถึงกลุ่มผู้ชมในวงกว้างก็เพิ่มขึ้นมากเท่านั้น

 

คอนเทนต์ที่ AI ชอบบนแต่ละแพลตฟอร์ม

1. Facebook

แม้สมัยนี้จะมีแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย แต่ก็ต้องยอมรับว่า Facebook ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่มีฐานผู้ใช้งานครอบคลุมทุกช่วงวัยมากที่สุด โดยเฉพาะกลุ่มวัยผู้ใหญ่ โดย AI Algorithm ของ Facebook จะให้ความสำคัญกับคอนเทนต์ที่ช่วย “เชื่อมต่อผู้คน” มากกว่าการสื่อสารเชิงธุรกิจเพียงอย่างเดียว นั่นหมายความว่า โพสต์ที่สร้างบทสนทนา หรือเรื่องราวที่เปิดโอกาสให้ผู้คนเข้ามาแสดงความคิดเห็นเยอะ ๆ จะมีโอกาสถูก AI ดันคอนเทนต์ติดฟีดมากขึ้น เช่น


  • คอนเทนต์ที่มีภาพหรือวิดีโอคุณภาพสูง พร้อมข้อความสั้นกระชับ
  • Live Streaming ที่ผู้ชมสามารถมีส่วนร่วมได้แบบเรียลไทม์
  • โพสต์ที่สร้างการพูดคุยโต้ตอบระหว่างแบรนด์และผู้ใช้งาน เช่น การทำโพล หรือการถามความคิดเห็น


2. Instagram

Instagram มี AI Algorithm ที่เน้นการสร้างแรงบันดาลใจและความสวยงามของคอนเทนต์ ดังนั้น โพสต์ที่ได้รับการจัดอันดับสูง ๆ จึงมักเป็นคอนเทนต์ที่มีภาพหรือวิดีโอสั้น ๆ ที่สามารถเล่าเรื่องได้แบบกระชับ ไม่ต้องมีคำอธิบายยืดยาว เช่น


  • Reels สั้น ๆ ที่ใช้เพลงตามเทรนด์
  • Stories พร้อมสติกเกอร์โต้ตอบ เช่น Poll หรือ Q&A
  • ภาพถ่ายสวย ๆ สไตล์ Aesthetic พร้อมแคปชันที่มี Insight หรือแรงบันดาลใจ


อย่างไรก็ดี แม้ Instagram จะเน้นความสวยงาม แต่ AI ก็ไม่ชอบคอนเทนต์ที่มุ่งโฆษณาอย่างเดียว หากเป็นการเล่าเรื่องที่สะท้อนไลฟ์สไตล์ และสร้างอารมณ์ร่วม ไม่ว่าจะเป็นเบื้องหลังการทำงาน การแชร์โมเมนต์เล็ก ๆ ในการทำงาน คอนเทนต์ก็จะยิ่งมีโอกาสติดฟีดและเข้าถึงกลุ่มผู้ชมใหม่ ๆ ได้อย่างรวดเร็ว


3. TikTok

เรียกได้ว่าเป็นแพลตฟอร์มที่กำลังมาแรงที่สุด ณ เวลานี้เลยก็ว่าได้ เพราะครีเอเตอร์คนไหน ๆ ก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า TikTok เป็นแพลตฟอร์มคอนเทนต์ที่ AI Algorithm ทำงานหนักมาก ! แทบทุกคนมีโอกาสเป็นไวรัลได้ หากวิดีโอมีองค์ประกอบที่ AI มองว่าโดดเด่น เช่น ความเร็วในการสร้าง Hook เนื่องจากผู้ใช้ส่วนใหญ่จะตัดสินใจภายใน 3 วินาทีแรกว่าจะดูต่อหรือเลื่อนผ่าน โดยรูปแบบคอนเทนต์ที่นิยม เช่น


  • Micro Storytelling เช่น เล่าเรื่องราวเล็ก ๆ ในชีวิตประจำวัน
  • คอนเทนต์ How-to หรือ Tips สั้น ๆ เข้าใจง่าย
  • การใช้เพลงหรือ Hashtag Challenge ที่กำลังเป็นเทรนด์


4. YouTube

YouTube จะมีความซับซ้อนมากกว่าแพลตฟอร์มอื่นเล็กน้อย เนื่องจากมีทั้งวิดีโอแบบยาวและวิดีโอสั้นที่เรียกว่า Shorts โดยระบบ AI จะพิจารณาทั้ง “Watch Time” (ระยะเวลาในการรับชม) และ “Retention Rate” (อัตราการรักษาผู้ชมให้อยู่กับคอนเทนต์จนถึงช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งหรือจนจบวิดีโอ) หากสูงทั้งคู่ ก็จะมีโอกาสถูก AI ดันคอนเทนต์ขึ้นบนหน้า “Suggested” ทันที


ทั้งนี้ วิดีโอที่มีการเล่าเรื่องเป็นลำดับขั้นตอน มีเนื้อหาที่ผู้ชมรู้สึกว่าได้รับคุณค่าจริง มักจะถูกดันขึ้นมากกว่าวิดีโอที่เน้นขายสินค้าเพียงอย่างเดียว เช่น


  • วิดีโอที่มีเนื้อหาต่อเนื่อง และให้คุณค่าเชิงความรู้หรือบันเทิง
  • Shorts ที่สรุปสาระหรือ Tips ภายใน 60 วินาที
  • มี Thumbnail และ Title ที่ชัดเจน น่าสนใจ เพราะเป็นจุดแรกที่ผู้ใช้ตัดสินใจก่อนคลิก หากออกแบบได้ดี จะช่วยเพิ่ม CTR (Click-Through Rate) และทำให้วิดีโอติดอันดับสูงขึ้น


5. LinkedIn

LinkedIn เป็นแพลตฟอร์มเชิงธุรกิจและเครือข่ายมืออาชีพ AI Algorithm ของช่องทางนี้จึงให้ความสำคัญกับคอนเทนต์ที่สะท้อนความเชี่ยวชาญ ความเป็นผู้นำทางความคิด (Thought Leadership) และการแบ่งปัน Insight ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น โดยคอนเทนต์ที่ AI ชอบและมักจะดันขึ้นฟีด ได้แก่

  • บทความวิเคราะห์เชิงลึก
  • อินโฟกราฟิกที่แสดงข้อมูลเชิงธุรกิจ
  • วิดีโอที่เล่าเรื่องประสบการณ์หรือ Case Study จริง
  • โพสต์ที่กระตุ้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเชิงสร้างสรรค์



แล้วคอนเทนต์แบบไหนที่อัลกอริทึมโซเชียลมีเดียจะไม่ดัน ?


หลายครั้งคุณอาจรู้สึกว่าคอนเทนต์นี้ทั้งลงทุน ทั้งตั้งใจทำ แต่ทำไม AI ไม่ดันขึ้นฟีดเสียที ? ต้องบอกตามตรงว่ายุคที่เต็มไปด้วยคอนเทนต์จำนวนมหาศาลเช่นนี้ การจะโดดเด่นขึ้นมาได้ ขึ้นอยู่กับ “ความถูกใจ” ของ AI ล้วน ๆ ดังนั้น หากไม่ถูกใจ โอกาสที่คอนเทนต์ของคุณจะถูกมองเห็นก็น้อยไปด้วย


           ตัวอย่างคอนเทนต์ที่มักถูกลดการมองเห็น เช่น

  • โพสต์ยาว ๆ ที่ไม่มีภาพหรือวิดีโอประกอบ เพราะผู้คนสมัยใหม่ใช้ชีวิตอยู่บนความเร่งรีบ ไม่ชอบอ่านอะไรยาว ๆ นัก
  • คอนเทนต์ที่ขายตรงเกินไป เต็มไปด้วย Call-to-Action เช่น “ซื้อเลยตอนนี้ !” โดยไม่มีการเล่าเรื่องหรือสร้างคุณค่านำมาก่อน
  • วิดีโอที่ Retention ต่ำ ผู้ใช้กดออกก่อน 3 วินาทีแรก แสดงถึงการไม่สามารถดึงดูดผู้ชมได้
  • คอนเทนต์ซ้ำ ๆ ขาดเอกลักษณ์ที่ AI มองว่าเป็นสแปม หรือไม่ได้สร้างคุณค่าอะไรใหม่ ๆ แก่ผู้ชม

 


Case Study: Nike Women กับแคมเปญ “Nulla Puo Fermarci” (Stop At Nothing)


หนึ่งในกรณีศึกษาที่น่าสนใจคือ แคมเปญของ Nike Woman ชื่อว่า “Nulla Puo Fermarci” (Stop At Nothing) บน TikTok ที่เปิดตัวในอิตาลีเมื่อปี 2019 แคมเปญนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงรุ่นใหม่ก้าวข้ามขีดจำกัดของตนเอง และไม่ยอมให้สิ่งใดหยุดพวกเธอได้


เนื้อหาหลักของแคมเปญเล่าเรื่องผู้หญิงหลายกลุ่มที่มีเส้นทางชีวิตแตกต่างกัน ทั้งนักกีฬาเยาวชน แม่บ้าน และผู้หญิงวัยทำงาน ทุกคนมีความท้าทายที่ต้องฝ่าฟัน ผ่านการเล่าเรื่องเชิงอารมณ์แบบ Micro Storytelling ที่จับช่วงเวลาสั้น ๆ ในชีวิตประจำวัน แต่เต็มไปด้วยความหมาย เช่น การฝึกซ้อมอย่างหนักในตอนเช้า การเผชิญหน้ากับคำสบประมาท หรือการหันกลับมามองความสำเร็จเล็ก ๆ ที่สร้างแรงใจ


วิดีโอถูกเผยแพร่ในหลายแพลตฟอร์ม โดยเฉพาะบนโซเชียลมีเดียในรูปแบบสั้น กระชับ และมีการใช้เพลงที่กระตุ้นอารมณ์ผู้ชม ผลลัพธ์คือผู้คนจำนวนมากดูจนจบ (Retention สูง) และยังเกิด Engagement ผ่านการแชร์ ส่งต่อ และพูดถึงในวงกว้าง ทำให้คอนเทนต์ติดฟีดได้อย่างต่อเนื่องและกลายเป็นหนึ่งในแคมเปญที่ประสบความสำเร็จที่สุดของ Nike Women

 

เมื่อก้าวเข้าสู่ยุคที่ AI algorithm ทำหน้าที่เป็นผู้คัดกรองคอนเทนต์ การเข้าใจว่าคอนเทนต์ที่ AI ชอบและการปรับกลยุทธ์ให้เหมาะกับอัลกอริทึมโซเชียลมีเดียถือเป็นการสร้างคุณค่าที่แท้จริงให้กับผู้ชมทุกแพลตฟอร์ม ธุรกิจที่สามารถทำให้คอนเทนต์ติดฟีดได้อย่างต่อเนื่องจะมีโอกาสสร้าง Engagement และ Conversion ได้เหนือคู่แข่ง พร้อมต่อยอดสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน


หากองค์กรของคุณกำลังมองหา Digital Marketing Agency ที่พร้อมผสานกลยุทธ์ เทคโนโลยี และครีเอทีฟเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างคอนเทนต์ที่ AI ชอบและขับเคลื่อนผลลัพธ์เชิงธุรกิจ เจโนไซส์พร้อมเป็นพาร์ตเนอร์ที่จะช่วยคุณออกแบบการสื่อสารที่แข็งแรง ครอบคลุมทุกแพลตฟอร์ม และนำพาธุรกิจสู่ความสำเร็จในยุคดิจิทัล กรอกฟอร์มเพื่อติดต่อเราได้เลยวันนี้

Loading...

ร่วมเปิดกล่องโอกาส
แห่งอนาคตด้วยกัน

Contact

Brief Us

ง่ายและรวดเร็ว
เราจะติดต่อกลับภายใน 24 ชั่วโมง

facebook chat

คุยกับทีมฝ่ายขาย

ให้บริการ จันทร์ถึงศุกร์
9:00 น. - 19:00 น.

mobile

โทรติดต่อฝ่ายขาย

ให้บริการ จันทร์ถึงศุกร์
9:00 น. - 19:00 น.