LIVE Commerce มาแรง ! ชวนส่อง 7 เทคนิคเพิ่มยอดขายผ่านไลฟ์สด

7 เทคนิคเด็ด เพิ่มยอดขายผ่าน LIVE Commerce อย่างมืออาชีพ

ปัจจุบัน การตลาดดิจิทัลมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง โดยหนึ่งในเทร็นด์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากคือ “LIVE Commerce” หรือการขายสินค้าผ่านการไลฟ์สดบนแพลตฟอร์มออนไลน์ การผสมผสานระหว่างวิดีโอสดและอีคอมเมิร์ซไม่เพียงแต่ช่วยสร้างประสบการณ์การช็อปปิงที่สมจริงเท่านั้น แต่ยังสามารถกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย

ดังนั้น สำหรับผู้ประกอบการ SME หรือธุรกิจค้าปลีก (Retail) ที่ต้องการเพิ่มยอดขายและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ การใช้ LIVE Commerce คือกลยุทธ์ที่ไม่ควรมองข้าม !

LIVE Commerce คืออะไร และทำไมถึงได้รับความนิยม ?

LIVE Commerce คือ การขายสินค้าผ่านการไลฟ์สดที่ช่วยให้ผู้ขายสามารถสื่อสารกับลูกค้าได้แบบเรียลไทม์ โดยการไลฟ์จะทำให้ผู้ขายสามารถแนะนำสินค้า ตอบคำถามของลูกค้า และสร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้าได้ในขณะนั้น ทำให้ผู้บริโภคสามารถรับรู้ข้อมูลสินค้าได้ครบถ้วนและตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น โดยข้อดีของ LIVE Commerce ที่ทำให้การขายของแบบไลฟ์สดได้รับความนิยม คือ

• ช่วยสร้างปฏิสัมพันธ์แบบเรียลไทม์ โดยที่ลูกค้าสามารถสอบถามข้อมูลสินค้าและรับคำตอบจากผู้ขายได้อย่างรวดเร็ว ช่วยลดข้อกังวลและเพิ่มความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภคในการตัดสินใจซื้อสินค้าทันที
• กระตุ้นการซื้อด้วยโปรโมชันเฉพาะกิจ การจัดส่วนลดพิเศษในช่วงไลฟ์สดหรือการจัด Flash Sale ช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าได้เร็วขึ้น
• เพิ่มอัตราการเข้าถึงและการมีส่วนร่วม การไลฟ์สดเป็นการเข้าถึงกลุ่มผู้ชมในวงกว้างได้อย่างรวดเร็ว และช่วยให้เกิดการมีส่วนร่วมกับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
• เป็นการรีวิวสินค้าแบบสด ๆ ลูกค้าสามารถเห็นการใช้งานจริงของสินค้าผ่านการรีวิวแบบเรียลไทม์ ช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับคุณภาพของสินค้า

7 เทคนิควิธีทำ LIVE Commerce ที่ช่วยให้ได้ยอดขายจริง !

1. วางแผนเนื้อหาและกลยุทธ์ก่อนการไลฟ์

ก่อนที่คุณจะเริ่มไลฟ์สด ควรมีการวางแผนเนื้อหาล่วงหน้าเพื่อให้การไลฟ์มีความชัดเจนและมีทิศทางที่ดี โดยกำหนดหัวข้อที่จะพูดถึง เช่น การเปิดตัวสินค้าใหม่ รีวิวสินค้า หรือการจัดโปรโมชันพิเศษ นอกจากนี้ ยังต้องวางแผนลำดับการนำเสนอสินค้าอย่างเป็นระบบ ซึ่งจะช่วยให้การไลฟ์ของคุณดำเนินไปอย่างราบรื่นและไม่ขาดตอน ให้ผู้ชมรู้สึกสนใจอยู่ตลอดเวลา

Special Tip: ใช้เทคนิค "Before-After" เพื่อแสดงผลลัพธ์ที่ชัดเจนจากการใช้สินค้า เช่น เริ่มจากการแสดงภาพปัญหาที่ลูกค้ากำลังเผชิญ เช่น สิวบนใบหน้า (Before) และแสดงผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้ผลิตภัณฑ์ เช่น ผิวหน้าใสไร้สิว (After) เพื่อช่วยให้ผู้ชมเห็นภาพชัดเจนและเข้าใจถึงประโยชน์ของสินค้ามากขึ้น

2. เลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย

การเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายจะช่วยให้การไลฟ์ได้รับความสนใจจากผู้ชมที่ตรงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมากที่สุด เช่น วิธีทำ LIVE Commerce บน Facebook, Instagram หรือ TikTok โดยควรเลือกแพลตฟอร์มที่ผู้ชมของคุณใช้เป็นประจำเพื่อให้เข้าถึงได้ง่ายและเพิ่มการมีส่วนร่วมกับการไลฟ์

Special Tip: ทำความเข้าใจว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณใช้แพลตฟอร์มไหนบ่อยที่สุดและมีโอกาสในการสร้างการตอบรับที่ดีที่สุด เช่น TikTok สำหรับแบรนด์ที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นคนรุ่นใหม่ Instagram สำหรับแบรนด์ที่ต้องการนำเสนอภาพลักษณ์แบบสวย ๆ ดูดีมีสไตล์ หรือ Facebook สำหรับการเข้าถึงผู้ชมหลากหลายช่วงวัย

3. ใช้เทคนิค Storytelling เพื่อดึงดูดความสนใจ

การเล่าเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการจะช่วยดึงดูดความสนใจของผู้ชมได้ดี โดยเทคนิคที่นิยมได้แก่ การเล่าเรื่องแบบ "Before-After" หรือ "ปัญหา-กระตุ้น-แก้ไข" โดยการใช้เทคนิคเหล่านี้จะช่วยให้ลูกค้าเห็นภาพผลลัพธ์จากการใช้สินค้าของคุณได้อย่างชัดเจน ตัวอย่างเช่น

• "รู้ไหมว่า 90% ของริ้วรอยเกิดจากแสงแดด ?" (ปัญหา)
• "แม้แต่ในวันที่มีเมฆครึ้ม รังสี UV ก็ยังทะลุผ่านเข้ามา ทำลายคอลลาเจนในผิวคุณ" (กระตุ้น)
• "ครีมกันแดดของเราจะช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด และต่อต้านริ้วรอยด้วย SPF 50+ PA++++" (แก้ไข)

4. ตั้งคำถามและสร้างกิจกรรมเพื่อกระตุ้นการมีส่วนร่วม

การตั้งคำถาม โพล หรือสร้างกิจกรรมต่าง ๆ จะช่วยกระตุ้นให้ผู้ชมมีส่วนร่วมมากขึ้น เช่น การแจกของรางวัลให้แก่ผู้ที่แชร์ไลฟ์หรือคอมเมนต์คำถามเกี่ยวกับสินค้า ช่วยเพิ่มการตอบรับจากลูกค้าและสร้างความสนุกสนานในการไลฟ์มากยิ่งขึ้น ตัวอย่างกิจกรรม เช่น แชร์ไลฟ์แล้วสุ่มผู้โชคดีเพื่อลุ้นรับสินค้าฟรี หรือการตั้งโพลที่ให้ผู้ชมเข้ามาร่วมตอบคำถามหรือแบ่งปันประสบการณ์เกี่ยวกับสินค้า แล้วสุ่มผู้โชคดีเพื่อมอบรางวัล โดยอาจเป็นสินค้าฟรีหรือโคดส่วนลดก็ได้

5. ใช้กลยุทธ์การขายแบบเร่งด่วน (Urgency & Scarcity)

กลยุทธ์การสร้างความเร่งด่วน (Urgency) และการขาดแคลน (Scarcity) สามารถช่วยให้ลูกค้ารู้สึกว่าต้องรีบตัดสินใจซื้อสินค้าโดยเร็ว โดยการบอกว่ามีสินค้าจำนวนจำกัด หรือจะมีโปรโมชันพิเศษเฉพาะช่วงเวลาที่กำหนดเท่านั้น เพื่อทำให้ลูกค้ารู้สึกตื่นเต้นและกระตุ้นให้พวกเขาตัดสินใจซื้อเร็วขึ้น ตัวอย่างเช่น

• "สินค้ามีจำนวนจำกัด รีบสั่งซื้อก่อนที่สินค้าจะหมด !"
• "โปรโมชันพิเศษ ! ซื้อวันนี้ รับส่วนลดทันที 20% เฉพาะในไลฟ์นี้เท่านั้น !"

6. โปรโมตก่อนและหลังการไลฟ์อย่างมีประสิทธิภาพ

การโปรโมตไลฟ์ล่วงหน้าจะช่วยสร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ชมและทำให้พวกเขารู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในช่วงเวลาที่กำหนด นอกจากนี้ การโปรโมตหลังการไลฟ์ก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะจะช่วยเพิ่มโอกาสในการขายจากผู้ที่ไม่ได้เข้าร่วมไลฟ์ แต่สามารถรับชมย้อนหลังได้

Special Tip: ใช้สื่อโซเชียลมีเดีย เช่น Instagram Stories หรือ Facebook posts เพื่อแจ้งข่าวการไลฟ์ ส่วนหลังไลฟ์เสร็จแล้ว ให้อัปโหลดคลิปไฮไลต์หรือรีวิวสินค้าเพื่อให้ผู้ชมที่พลาดชมไลฟ์สดสามารถดูย้อนหลังได้

7. วิเคราะห์ผลลัพธ์และปรับปรุงกลยุทธ์

หลังจากการไลฟ์เสร็จสิ้น แบรนด์ควรมีการวิเคราะห์ผลลัพธ์ที่ได้ เช่น จำนวนผู้เข้าชม การมีส่วนร่วม และยอดขายที่เกิดขึ้น เนื่องจากข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถปรับปรุงกลยุทธ์การไลฟ์ในครั้งต่อไป โดยการตรวจสอบว่าองค์ประกอบใดที่ทำให้การไลฟ์ประสบความสำเร็จและสิ่งใดที่ควรปรับปรุง

Special Tip: ตรวจสอบความเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้ชมเพื่อเรียนรู้ว่าสิ่งไหนที่พวกเขาชอบและไม่ชอบ จากนั้นให้ใช้ข้อมูลเหล่านี้เพื่อพัฒนากลยุทธ์ให้ตรงกับความต้องการของผู้ชมมากขึ้น

LIVE Commerce คือช่องทางที่ทรงพลังในการเพิ่มยอดขายและสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าแบบเรียลไทม์ สำหรับผู้ประกอบการ SME หรือธุรกิจค้าปลีกที่ต้องการนำกลยุทธ์ Retail Marketing นี้ไปใช้ ควรให้ความสำคัญกับการวางแผนเนื้อหา เลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสม ใช้เทคนิค Storytelling และกระตุ้นการมีส่วนร่วมของลูกค้า การใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสมจะช่วยให้ LIVE Commerce เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการขยายธุรกิจและเพิ่มโอกาสทางการขายในยุคดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพแน่นอน