เปิดโลก Immersive Experience เทรนด์อีเวนต์มาแรง 2025
ในการทำการตลาดยุคใหม่ ไม่อาจยึดติดกับเพียงการเล่าเรื่องผ่านสไลด์หรือบูทจัดแสดงแบบเดิมอีกต่อไป เพราะ “Immersive Experience” หรือ “ประสบการณ์เสมือนจริงที่เข้าถึงอารมณ์” ได้กลายมาเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของการจัดงานอีเวนต์สมัยใหม่ โดยเฉพาะเมื่อผู้เข้าร่วมงานต้องการมากกว่าการ “ชม” แต่ต้อง “รู้สึก” ไปกับแบรนด์อย่างแท้จริง
Immersive Experience คืออะไร ?
Immersive Experience คือ การออกแบบประสบการณ์ที่ทำให้ผู้เข้าร่วม “รู้สึกเหมือนอยู่ในโลกอีกใบ” ผ่านการผสมผสานของเทคโนโลยี โสตประสาท และการเล่าเรื่องอย่างมีชั้นเชิง โดยจุดเด่นของแนวคิดนี้ คือ การสร้างสภาวะการมีส่วนร่วม (Immersion) ที่ดึงดูดทั้งอารมณ์ ความรู้สึก และประสาทสัมผัสทุกด้านของผู้ชม เพื่อให้เกิดความประทับใจอันลึกซึ้งและจดจำแบรนด์ได้ยาวนานยิ่งขึ้น
ในเชิงกลยุทธ์ Immersive Experience ไม่ได้เป็นเพียงเทคนิคสร้างความตื่นตาตื่นใจเท่านั้น แต่ยังสามารถขับเคลื่อนเป้าหมายของแบรนด์ เช่น การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า การเพิ่มโอกาสในการขาย หรือแม้แต่การถ่ายทอดคุณค่าขององค์กรอย่างแนบเนียนและทรงพลัง
เทคโนโลยีที่มักใช้เพื่อสร้างประสบการณ์แบบ Immersive
การสร้างเทคโนโลยี Immersive ให้เกิดผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ ต้องอาศัยการผสานนวัตกรรมเข้ากับความคิดสร้างสรรค์อย่างมีชั้นเชิง โดยเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมในการจัดอีเวนต์ยุคใหม่ ได้แก่
VR (Virtual Reality)
เทคโนโลยี Immersive สร้างโลกเสมือนจริงที่ผู้เข้าร่วมสามารถเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์นั้น ๆ ได้อย่างเต็มรูปแบบ เหมาะสำหรับการจำลองสถานการณ์ การทดสอบผลิตภัณฑ์ หรือการเล่าเรื่องที่ซับซ้อน
AR/XR (Augmented/Extended Reality)
การเพิ่มข้อมูลหรือกราฟิกเข้าไปในโลกจริง ทำให้ประสบการณ์ดูสมจริงและ Interactive มากขึ้น เช่น การสแกนภาพแล้วปรากฏกราฟิก 3 มิติ
Projection Mapping
การฉายภาพกราฟิกหรือวิดีโอลงบนวัตถุจริง เช่น ผนัง อาคาร หรือเวที เพื่อสร้างภาพลวงตาและเปลี่ยนพื้นที่ให้กลายเป็นอีกโลกหนึ่ง
Spatial Audio & Scent Design
เทคโนโลยี Immersive ช่วยออกแบบเสียงและกลิ่นแบบรอบทิศทาง เพื่อกระตุ้นอารมณ์ให้มีความสมจริง ช่วยให้ผู้เข้าร่วมสามารถเข้าถึงประสบการณ์ได้อย่างลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น
ทำไมเทรนด์ Immersive Event ถึงกำลังมาแรง ?
เมื่อพูดถึงเทรนด์อีเวนต์ 2025 ก็ต้องบอกเลยว่าเทรนด์ Immersive Event กำลังมาแรงมาก และได้กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของการจัดกิจกรรมและนิทรรศการในหลายอุตสาหกรรม โดยมีเหตุผลหลัก ๆ ดังนี้
ผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญกับประสบการณ์มากกว่าสินค้า
พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z และ Millennials ที่ยอมจ่ายเพื่อประสบการณ์ที่มีความหมาย มากกว่าการเป็นเจ้าของสินค้าทางกายภาพ
แบรนด์ต้องการสร้างความแตกต่าง
ท่ามกลางตลาดที่มีการแข่งขันสูง แบรนด์จำเป็นต้องมอบสิ่งที่เหนือความคาดหวังแก่กลุ่มเป้าหมายของตนเอง เพื่อสร้างความโดดเด่นและเป็นที่จดจำในหมู่ผู้บริโภค
เทคโนโลยีรองรับมากขึ้น และต้นทุนลดลง
การพัฒนาเทคโนโลยี Immersive เป็นไปอย่างรวดเร็ว ราคาการใช้งานก็เริ่มสามารถเข้าถึงได้สำหรับ SME และองค์กรขนาดกลาง ไม่ได้จำกัดอยู่แค่แบรนด์ใหญ่ ๆ เหมือนในอดีตอีกต่อไป
องค์ประกอบของ Immersive Experience คืออะไรบ้าง ?
การออกแบบ Immersive Experience ที่ประสบความสำเร็จ ต้องครอบคลุมองค์ประกอบหลักที่มากกว่าแค่การใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย แต่ต้องเชื่อมโยงกับกลยุทธ์ของแบรนด์และการมีส่วนร่วมของผู้ชมอย่างแท้จริงด้วย
1. Concept Driven
ทุกประสบการณ์ต้องเริ่มจากแนวคิดที่ชัดเจน ไม่ใช่แค่การนำเทคโนโลยี Immersive มาใช้เพื่อความว้าว แต่ต้องสอดคล้องกับเป้าหมายของแบรนด์ เช่น การสื่อสารคุณค่า หรือการโปรโมตสินค้าใหม่
2. Multi-sensory
ประสบการณ์ที่ดีควรออกแบบให้กระตุ้นประสาทสัมผัสหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น (แสง สี) การได้ยิน (เสียงประกอบ) การรับกลิ่น และแม้กระทั่งรสสัมผัส ในกรณีที่เกี่ยวข้องกับอาหารหรือสินค้าเพื่อสุขภาพ
3. Real-Time Interaction
การมีส่วนร่วมแบบโต้ตอบทันที เช่น การโหวตผ่านมือถือ การตอบคำถามในพื้นที่จัดงาน หรือการสร้าง Avatar ของตนเองในโลกเสมือน จะช่วยเพิ่มระดับการจดจำของแบรนด์ได้มากกว่าการเป็นเพียงผู้ชม
4. Data Integration
การผสานข้อมูลผู้เข้าร่วมกับระบบ CRM หรือ Marketing Automation ช่วยให้สามารถเก็บข้อมูลเชิงพฤติกรรม เพื่อนำไปใช้วิเคราะห์ ต่อยอด และสร้างแคมเปญที่แม่นยำยิ่งขึ้นในอนาคต
Case Study: เจโนไซส์ จัดมหกรรมใหญ่ “Offline 2 Online Expo”
หนึ่งในตัวอย่างการนำ Immersive Experience มาใช้ในระดับประเทศอย่างชัดเจน คือ “Offline to Online Expo” งานมหกรรมแสดงสินค้าและนวัตกรรมเพื่อส่งเสริม SME ทั่วไทย ซึ่งจัดโดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) กระทรวงพาณิชย์ และบริหารจัดการโดย เจโนไซส์ เอเจนซีที่ได้รับความไว้วางใจให้ดูแลงานทุกกระบวนการตั้งแต่ต้นจนจบ
โปรเจกต์นี้ถูกออกแบบให้หมุนเวียนจัดใน 5 ภูมิภาคทั่วประเทศ ครอบคลุมพื้นที่จัดงานกว่า 2,000 ตารางเมตร โดยใช้เวลาวางแผนและเตรียมงานกว่า 9 เดือน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์ทั้งภาครัฐ ผู้ประกอบการ และผู้เข้าชม
เจโนไซส์ได้นำแนวคิด Immersive Experience มาใช้กับนิทรรศการในรูปแบบ Interactive และสร้างสรรค์ “พื้นที่เล่าเรื่อง” ให้แต่ละโซนแสดงสินค้ากลายเป็นประสบการณ์ที่ผู้ชมสามารถ “เข้าไปสัมผัสและมีส่วนร่วม” ได้จริง
ผลลัพธ์ของงานแสดงสินค้าครั้งนี้ไม่เพียงแค่สร้างภาพลักษณ์ให้กับภาครัฐในฐานะผู้อยู่เบื้องหลังการสนับสนุน SME อย่างจริงจังเท่านั้น แต่ยังสามารถสร้างยอดจำหน่ายรวมกว่า 80 ล้านบาท จากเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้เพียง 30 ล้านบาท คิดเป็นรายได้ที่สูงกว่าเป้าหมายเดิมถึง 2.7 เท่า
เทรนด์ Immersive Event โอกาสใหม่ของธุรกิจยุคดิจิทัล
ในโลกของอีเวนต์ที่เปลี่ยนแปลงเร็วทุกวัน Immersive Experience คือคำตอบของการจัดงานที่ไม่ได้แค่ “จัดให้ครบ” แต่ “จัดให้รู้สึก” และสร้างผลกระทบยาวนานในใจผู้ร่วมงาน ธุรกิจที่พร้อมจะก้าวข้ามกรอบเดิม ๆ จำเป็นต้องออกแบบอีเวนต์ให้เสมือนเป็นโลกอีกใบ ที่เชื่อมต่ออารมณ์ ประสบการณ์ และเทคโนโลยีได้อย่างแนบเนียน
หากคุณกำลังมองหาพาร์ตเนอร์ที่เข้าใจทั้งเทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ และประสบการณ์ผู้บริโภค เจโนไซส์ พร้อมเป็นผู้ช่วยจัดงาน Event และสร้างสรรค์ Immersive Experience ที่ตอบโจทย์ครบทุกมิติ กรอกฟอร์มเพื่อติดต่อเราได้เลยวันนี้ที่หน้าเว็บไซต์
Loading...