< Back

UX Research คืออะไร ? รู้จักการออกแบบที่ตอบโจทย์ผู้ใช้จริง

AD
โดย:Jenosize.com
share194

UX Research คืออะไร ? การวิจัยผู้ใช้เพื่อดีไซน์ที่ตอบโจทย์


การออกแบบหน้าเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันในยุคดิจิทัล อาศัยแค่ความสวยงามหรือไอเดียสร้างสรรค์อย่างเดียวคงไม่พอ เพราะธุรกิจจำเป็นต้องมีข้อมูล (Insight) และความเข้าใจผู้ใช้งานเป็นแกนกลางของการพัฒนา เพื่อให้สามารถส่งมอบประสบการณ์ที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งกระบวนการที่จะทำให้เรื่องเหล่านี้เป็นไปได้ ก็คือ “UX Research” หรือ การวิจัยผู้ใช้งาน



UX Research คืออะไร ?


UX Research (User Experience Reseach) คือ กระบวนการศึกษาพฤติกรรม ความต้องการ ความคาดหวัง และปัญหาที่ผู้ใช้พบเจอจริง ๆ ผ่านการเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ ทั้งในเชิงปริมาณ (Quantitative) และเชิงคุณภาพ (Qualitative) ไม่ว่าจะเป็นการสัมภาษณ์เชิงลึก การสังเกตพฤติกรรมผู้ใช้ การทำแบบสอบถาม ไปจนถึงการทดสอบใช้งาน (Usability Test) โดยมีเป้าหมายเพื่อทำความเข้าใจเสียงของผู้ใช้จริง แล้วนำมาปรับปรุงหรือออกแบบ UX/UI ให้ตอบโจทย์มากที่สุด


สรุปได้ว่า UX Research คือเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้การออกแบบ UX แบบ User-centric หรือการออกแบบโดยยึดผู้ใช้งานเป็นศูนย์กลางเกิดขึ้นอย่างมีทิศทางและสามารถวัดผลได้จริง

 

ทำไม UX Research ถึงสำคัญในยุคดิจิทัล ?


ยุคสมัยนี้ พฤติกรรมผู้บริโภคเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน การตัดสินใจโดยอิงจากความรู้สึกที่ “คิดว่าใช่” อาจส่งผลให้ธุรกิจสูญเสียโอกาสอย่างมหาศาล การทำ UX Research จึงถือเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยให้องค์กรสามารถพัฒนาและสื่อสารผลิตภัณฑ์ได้ตรงเป้าหมายมากขึ้น โดยมีข้อดีต่อไปนี้


ลดความเสี่ยงในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ไม่ตอบโจทย์

การวิจัย UX จะช่วยให้ทีมพัฒนาทราบว่าผู้ใช้ต้องการอะไร และลดความเสี่ยงในการลงทุนไปกับฟีเจอร์ที่ไม่มีใครใช้งาน หรือมีผู้ใช้งานน้อยเกินกว่าจะเรียกได้ว่าคุ้มทุน


เพิ่ม Conversion และ Engagement

เมื่อ UX ตอบโจทย์ ผู้ใช้งานก็จะรู้สึกดีกับประสบการณ์ที่ได้รับจากทางแบรนด์ และพร้อมที่จะดำเนินการตามเป้าหมาย เช่น การสมัครสมาชิก การกรอกฟอร์ม หรือการกดสั่งซื้อสินค้า


ยึดผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง (User-Centric Design)

UX Research ช่วยให้การออกแบบสามารถสื่อสารกับผู้ใช้งานได้จริง ไม่ใช่แค่สวยงามเท่านั้น แต่ยังใช้งานได้ง่าย สะดวกรวดเร็ว ตอบโจทย์คนทุกกลุ่ม


สร้างคุณค่าระยะยาวให้กับแบรนด์

แบรนด์ที่หมั่นทำการวิจัยผู้ใช้งาน มักสร้างความประทับใจได้อย่างต่อเนื่อง เพิ่มโอกาสในการเกิดความภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty) ในระยะยาว

 

รูปแบบของ UX Research ที่ธุรกิจนิยมใช้


การวิจัย UX มีหลายวิธี สามารถเลือกใช้ได้ตามเป้าหมายและบริบทของธุรกิจ โดยแบ่งออกได้เป็น 5 รูปแบบหลัก ๆ ดังนี้


1. Qualitative Research

เช่น การสัมภาษณ์เจาะลึก (In-depth Interview), Focus Group หรือ Ethnographic Study โดยเป็นการเข้าไปทำความเข้าใจแรงจูงใจและความรู้สึกของผู้ใช้งานจริง ๆ


2. Quantitative Research

เช่น การทำแบบสอบถาม หรือการใช้ Web Analytics เพื่อเก็บข้อมูลจากผู้ใช้จำนวนมาก และนำมาวิเคราะห์เป็นภาพรวมเพื่อไปพัฒนาต่อ


3. Usability Testing

การทดสอบต้นแบบ (Prototype) หรือระบบจริงกับผู้ใช้งาน เพื่อดูว่าผู้ใช้มีปัญหาในการใช้งานที่จุดใด และนำมาปรับปรุงก่อนปล่อยใช้งานจริง


4. A/B Testing

การทดสอบการออกแบบในหลาย ๆ เวอร์ชัน เพื่อดูว่าเวอร์ชันใดตอบสนองเป้าหมายของผู้ใช้ได้ดีกว่า เช่น การคลิก การสั่งซื้อ หรือการอ่านเนื้อหา


5. Field Study & Eye Tracking

สังเกตพฤติกรรมผู้ใช้ในสภาพแวดล้อมจริง และใช้เทคโนโลยีติดตามการมอง เพื่อวิเคราะห์จุดสนใจและลำดับการใช้งาน ว่าผู้ใช้ส่วนใหญ่ใช้เวลาอยู่ที่จุดไหนนาน หรือน้อยเป็นพิเศษ


ขั้นตอนการทำ UX Research อย่างมืออาชีพ


1. กำหนดวัตถุประสงค์ที่ต้องการศึกษา

เช่น ต้องการเข้าใจปัญหาการใช้งานฟอร์มลงทะเบียนว่าใช้ยากตรงไหน หรือหาสาเหตุที่ลูกค้าไม่กดซื้อสินค้าแม้จะเลือกลงตะกร้าไปแล้ว


2. เลือกเครื่องมือและวิธีการ

หากต้องการข้อมูลเชิงลึก อาจเลือกใช้เป็นวิธีการสัมภาษณ์ผู้ใช้งานโดยตรง แต่หากต้องการข้อมูลจำนวนมาก สามารถเลือกใช้เป็นการทำแบบสอบถามแทนได้


3. คัดเลือกผู้ใช้ตัวอย่างให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจ

การวิจัยผู้ใช้งานตัวอย่าง ควรตรงกับกลุ่มเป้าหมายของสินค้าหรือบริการ เช่น แบรนด์เครื่องสำอางที่มีแอปพลิเคชันเป็นของตัวเอง เลือกสัมภาษณ์ผู้หญิงอายุ 25-35 ปีที่ใช้งานมือถือบ่อย ๆ


4. ดำเนินการวิจัยและเก็บข้อมู

การวิจัย UX ควรเป็นไปอย่างเป็นกลาง โปร่งใส และไม่ชี้นำคำตอบ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือและประโยชน์ในการนำมาพัฒนาต่อมากที่สุด


5. วิเคราะห์ผลและตีความข้อมูล

นำข้อมูลที่ได้จากการวิจัยผู้ใช้งานมาค้นหา Pain point ต่าง ๆ เช่น การใช้งานยากเกินไป แอปพลิเคชันโหลดช้าไม่ทันใจ หรือไม่เข้าใจข้อความบนปุ่ม ฯลฯ


6. เสนอแนะแนวทางการพัฒนา UX/UI

เมื่อรู้แล้วว่า Pain point คืออะไร จากนั้น ให้สร้างแผนปรับปรุงหรือออกแบบใหม่ตามข้อมูลที่ได้มาจากการวิจัย UX เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีกว่าแก่ผู้ใช้งาน



Case Study: Google กับแนวคิด “Data-Informed Design”


หนึ่งในองค์กรที่ประสบความสำเร็จในการใช้ UX Research อย่างลึกซึ้ง คือ Google โดยทีม UX ของ Google ได้ใช้วิธีการที่เรียกว่า Data-Informed Design คือ การออกแบบที่ไม่ได้ยึดตามข้อมูล 100% แต่ใช้ข้อมูลเป็น “แนวทาง” ร่วมกับการตีความจากนักออกแบบและนักวิจัยผู้เชี่ยวชาญ


ตัวอย่างที่ชัดเจน ซึ่งทุกคนน่าจะรู้กันดี คือ Gmail ซึ่งในอดีต ผู้ใช้มีปัญหากับอีเมลจำนวนมากที่ไม่เกี่ยวข้อง Google จึงทำการวิจัย UX ว่าผู้ใช้ต้องการเห็นเฉพาะอีเมลที่สำคัญ และจาก Insight นี้จึงเกิดฟีเจอร์ “Priority Inbox” ที่แยกอีเมลสำคัญออกจากอีเมลทั่ว ๆ ไป ช่วยเพิ่มประสบการณ์การใช้งานได้อย่างชัดเจน

 

UX Research ตัวช่วยสู่การออกแบบที่ตอบโจทย์ผู้ใช้จริง


การทำ UX Research อย่างเป็นระบบ คือเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าใจผู้ใช้งานได้อย่างแท้จริง และนำไปสู่การออกแบบ UX แบบ User-centric ที่ส่งมอบประสบการณ์ดี ๆ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ช่วยให้แบรนด์สร้างความแตกต่างและเติบโตอย่างยั่งยืน


หากธุรกิจของคุณกำลังมองหาเครื่องมือหรือ Tech Solution สำหรับธุรกิจที่จะยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้งาน พร้อมสร้างระบบที่ยึดผู้ใช้เป็นศูนย์กลางตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง เจโนไซส์ พร้อมเป็นพาร์ตเนอร์ที่เข้าใจทั้งเทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้ใช้ เพื่อออกแบบประสบการณ์ดิจิทัลที่ใช่สำหรับองค์กรของคุณโดยเฉพาะ กรอกฟอร์มเพื่อติดต่อเราได้เลยวันนี้ที่หน้าเว็บไซต์

Loading...

ร่วมเปิดกล่องโอกาส
แห่งอนาคตด้วยกัน

Contact

Brief Us

ง่ายและรวดเร็ว
เราจะติดต่อกลับภายใน 24 ชั่วโมง

facebook chat

คุยกับทีมฝ่ายขาย

ให้บริการ จันทร์ถึงศุกร์
9:00 น. - 19:00 น.

mobile

โทรติดต่อฝ่ายขาย

ให้บริการ จันทร์ถึงศุกร์
9:00 น. - 19:00 น.