UX Research คืออะไร ? การวิจัยผู้ใช้เพื่อดีไซน์ที่ตอบโจทย์
การออกแบบหน้าเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันในยุคดิจิทัล อาศัยแค่ความสวยงามหรือไอเดียสร้างสรรค์อย่างเดียวคงไม่พอ เพราะธุรกิจจำเป็นต้องมีข้อมูล (Insight) และความเข้าใจผู้ใช้งานเป็นแกนกลางของการพัฒนา เพื่อให้สามารถส่งมอบประสบการณ์ที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งกระบวนการที่จะทำให้เรื่องเหล่านี้เป็นไปได้ ก็คือ “UX Research” หรือ การวิจัยผู้ใช้งาน
UX Research คืออะไร ?
UX Research (User Experience Reseach) คือ กระบวนการศึกษาพฤติกรรม ความต้องการ ความคาดหวัง และปัญหาที่ผู้ใช้พบเจอจริง ๆ ผ่านการเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ ทั้งในเชิงปริมาณ (Quantitative) และเชิงคุณภาพ (Qualitative) ไม่ว่าจะเป็นการสัมภาษณ์เชิงลึก การสังเกตพฤติกรรมผู้ใช้ การทำแบบสอบถาม ไปจนถึงการทดสอบใช้งาน (Usability Test) โดยมีเป้าหมายเพื่อทำความเข้าใจเสียงของผู้ใช้จริง แล้วนำมาปรับปรุงหรือออกแบบ UX/UI ให้ตอบโจทย์มากที่สุด
สรุปได้ว่า UX Research คือเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้การออกแบบ UX แบบ User-centric หรือการออกแบบโดยยึดผู้ใช้งานเป็นศูนย์กลางเกิดขึ้นอย่างมีทิศทางและสามารถวัดผลได้จริง
ทำไม UX Research ถึงสำคัญในยุคดิจิทัล ?
ยุคสมัยนี้ พฤติกรรมผู้บริโภคเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน การตัดสินใจโดยอิงจากความรู้สึกที่ “คิดว่าใช่” อาจส่งผลให้ธุรกิจสูญเสียโอกาสอย่างมหาศาล การทำ UX Research จึงถือเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยให้องค์กรสามารถพัฒนาและสื่อสารผลิตภัณฑ์ได้ตรงเป้าหมายมากขึ้น โดยมีข้อดีต่อไปนี้
ลดความเสี่ยงในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ไม่ตอบโจทย์
การวิจัย UX จะช่วยให้ทีมพัฒนาทราบว่าผู้ใช้ต้องการอะไร และลดความเสี่ยงในการลงทุนไปกับฟีเจอร์ที่ไม่มีใครใช้งาน หรือมีผู้ใช้งานน้อยเกินกว่าจะเรียกได้ว่าคุ้มทุน
เพิ่ม Conversion และ Engagement
เมื่อ UX ตอบโจทย์ ผู้ใช้งานก็จะรู้สึกดีกับประสบการณ์ที่ได้รับจากทางแบรนด์ และพร้อมที่จะดำเนินการตามเป้าหมาย เช่น การสมัครสมาชิก การกรอกฟอร์ม หรือการกดสั่งซื้อสินค้า
ยึดผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง (User-Centric Design)
UX Research ช่วยให้การออกแบบสามารถสื่อสารกับผู้ใช้งานได้จริง ไม่ใช่แค่สวยงามเท่านั้น แต่ยังใช้งานได้ง่าย สะดวกรวดเร็ว ตอบโจทย์คนทุกกลุ่ม
สร้างคุณค่าระยะยาวให้กับแบรนด์
แบรนด์ที่หมั่นทำการวิจัยผู้ใช้งาน มักสร้างความประทับใจได้อย่างต่อเนื่อง เพิ่มโอกาสในการเกิดความภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty) ในระยะยาว
รูปแบบของ UX Research ที่ธุรกิจนิยมใช้
การวิจัย UX มีหลายวิธี สามารถเลือกใช้ได้ตามเป้าหมายและบริบทของธุรกิจ โดยแบ่งออกได้เป็น 5 รูปแบบหลัก ๆ ดังนี้
1. Qualitative Research
เช่น การสัมภาษณ์เจาะลึก (In-depth Interview), Focus Group หรือ Ethnographic Study โดยเป็นการเข้าไปทำความเข้าใจแรงจูงใจและความรู้สึกของผู้ใช้งานจริง ๆ
2. Quantitative Research
เช่น การทำแบบสอบถาม หรือการใช้ Web Analytics เพื่อเก็บข้อมูลจากผู้ใช้จำนวนมาก และนำมาวิเคราะห์เป็นภาพรวมเพื่อไปพัฒนาต่อ
3. Usability Testing
การทดสอบต้นแบบ (Prototype) หรือระบบจริงกับผู้ใช้งาน เพื่อดูว่าผู้ใช้มีปัญหาในการใช้งานที่จุดใด และนำมาปรับปรุงก่อนปล่อยใช้งานจริง
4. A/B Testing
การทดสอบการออกแบบในหลาย ๆ เวอร์ชัน เพื่อดูว่าเวอร์ชันใดตอบสนองเป้าหมายของผู้ใช้ได้ดีกว่า เช่น การคลิก การสั่งซื้อ หรือการอ่านเนื้อหา
5. Field Study & Eye Tracking
สังเกตพฤติกรรมผู้ใช้ในสภาพแวดล้อมจริง และใช้เทคโนโลยีติดตามการมอง เพื่อวิเคราะห์จุดสนใจและลำดับการใช้งาน ว่าผู้ใช้ส่วนใหญ่ใช้เวลาอยู่ที่จุดไหนนาน หรือน้อยเป็นพิเศษ
ขั้นตอนการทำ UX Research อย่างมืออาชีพ
1. กำหนดวัตถุประสงค์ที่ต้องการศึกษา
เช่น ต้องการเข้าใจปัญหาการใช้งานฟอร์มลงทะเบียนว่าใช้ยากตรงไหน หรือหาสาเหตุที่ลูกค้าไม่กดซื้อสินค้าแม้จะเลือกลงตะกร้าไปแล้ว
2. เลือกเครื่องมือและวิธีการ
หากต้องการข้อมูลเชิงลึก อาจเลือกใช้เป็นวิธีการสัมภาษณ์ผู้ใช้งานโดยตรง แต่หากต้องการข้อมูลจำนวนมาก สามารถเลือกใช้เป็นการทำแบบสอบถามแทนได้
3. คัดเลือกผู้ใช้ตัวอย่างให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจ
การวิจัยผู้ใช้งานตัวอย่าง ควรตรงกับกลุ่มเป้าหมายของสินค้าหรือบริการ เช่น แบรนด์เครื่องสำอางที่มีแอปพลิเคชันเป็นของตัวเอง เลือกสัมภาษณ์ผู้หญิงอายุ 25-35 ปีที่ใช้งานมือถือบ่อย ๆ
4. ดำเนินการวิจัยและเก็บข้อมู
การวิจัย UX ควรเป็นไปอย่างเป็นกลาง โปร่งใส และไม่ชี้นำคำตอบ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือและประโยชน์ในการนำมาพัฒนาต่อมากที่สุด
5. วิเคราะห์ผลและตีความข้อมูล
นำข้อมูลที่ได้จากการวิจัยผู้ใช้งานมาค้นหา Pain point ต่าง ๆ เช่น การใช้งานยากเกินไป แอปพลิเคชันโหลดช้าไม่ทันใจ หรือไม่เข้าใจข้อความบนปุ่ม ฯลฯ
6. เสนอแนะแนวทางการพัฒนา UX/UI
เมื่อรู้แล้วว่า Pain point คืออะไร จากนั้น ให้สร้างแผนปรับปรุงหรือออกแบบใหม่ตามข้อมูลที่ได้มาจากการวิจัย UX เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีกว่าแก่ผู้ใช้งาน
Case Study: Google กับแนวคิด “Data-Informed Design”
หนึ่งในองค์กรที่ประสบความสำเร็จในการใช้ UX Research อย่างลึกซึ้ง คือ Google โดยทีม UX ของ Google ได้ใช้วิธีการที่เรียกว่า Data-Informed Design คือ การออกแบบที่ไม่ได้ยึดตามข้อมูล 100% แต่ใช้ข้อมูลเป็น “แนวทาง” ร่วมกับการตีความจากนักออกแบบและนักวิจัยผู้เชี่ยวชาญ
ตัวอย่างที่ชัดเจน ซึ่งทุกคนน่าจะรู้กันดี คือ Gmail ซึ่งในอดีต ผู้ใช้มีปัญหากับอีเมลจำนวนมากที่ไม่เกี่ยวข้อง Google จึงทำการวิจัย UX ว่าผู้ใช้ต้องการเห็นเฉพาะอีเมลที่สำคัญ และจาก Insight นี้จึงเกิดฟีเจอร์ “Priority Inbox” ที่แยกอีเมลสำคัญออกจากอีเมลทั่ว ๆ ไป ช่วยเพิ่มประสบการณ์การใช้งานได้อย่างชัดเจน
UX Research ตัวช่วยสู่การออกแบบที่ตอบโจทย์ผู้ใช้จริง
การทำ UX Research อย่างเป็นระบบ คือเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าใจผู้ใช้งานได้อย่างแท้จริง และนำไปสู่การออกแบบ UX แบบ User-centric ที่ส่งมอบประสบการณ์ดี ๆ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ช่วยให้แบรนด์สร้างความแตกต่างและเติบโตอย่างยั่งยืน
หากธุรกิจของคุณกำลังมองหาเครื่องมือหรือ Tech Solution สำหรับธุรกิจที่จะยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้งาน พร้อมสร้างระบบที่ยึดผู้ใช้เป็นศูนย์กลางตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง เจโนไซส์ พร้อมเป็นพาร์ตเนอร์ที่เข้าใจทั้งเทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้ใช้ เพื่อออกแบบประสบการณ์ดิจิทัลที่ใช่สำหรับองค์กรของคุณโดยเฉพาะ กรอกฟอร์มเพื่อติดต่อเราได้เลยวันนี้ที่หน้าเว็บไซต์
Loading...
