< Back

เทคนิคการใช้ Gamification เชื่อมโยงโลกดิจิทัลสู่ยอดขายจริง

AD
โดย:Jenosize.com
share6

แจกทริกใช้ Gamification เชื่อมโยง O2O สู่ยอดขายที่เติบโตขึ้น


หากย้อนไปเพียงไม่กี่ปีก่อน การเปิดแอปพลิเคชันของร้านค้าเพื่อสแกน QR code รับแต้มสะสมอาจดูเป็นเรื่องยุ่งยาก แต่ปัจจุบัน ด้วยการออกแบบประสบการณ์แบบ Gamification ที่ดูน่าสนุก ลูกค้ากลับเต็มใจที่จะทำขั้นตอนเหล่านั้นด้วยความกระตือรือร้น เพราะแต่ละการกระทำไม่ได้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการซื้อ-ขาย แต่เป็นการผจญภัยที่น่าตื่นเต้นกับแบรนด์


อย่างไรก็ดี ความน่าสนใจของ Gamification หรือการตลาดผ่านเกมในบริบทของธุรกิจค้าปลีกยุคใหม่ไม่ได้อยู่เพียงแค่การสร้างความสนุกสนานเท่านั้น แต่อยู่ที่การเป็นกลไกสำคัญในการรวบรวมข้อมูลเชิงลึกของลูกค้า สร้างพฤติกรรมที่พึงประสงค์ และสร้างความผูกพันกับแบรนด์ในระยะยาว ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในรูปแบบที่ลูกค้ารู้สึกว่าตนเองได้รับประโยชน์และความเพลิดเพลินจากการมีส่วนร่วม ไม่ใช่ถูกกระทำหรือถูกยัดเยียดขายสินค้าอะไรบางอย่าง



เทคนิคการใช้กลยุทธ์ Gamification สู่การเชื่อมโยง O2O พร้อมสร้างยอดขาย


ทำการตลาดแบบ O2O ด้วย Location-based Gamification

การใช้ Location-based Gamification เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การมีส่วนร่วมกับลูกค้าที่มีความน่าสนใจ โดยการผสานระหว่างโลกออนไลน์กับโลกออฟไลน์เข้าด้วยกัน ผ่านเทคโนโลยี GPS หรือ Beacon ที่สามารถระบุตำแหน่งของผู้ใช้ได้ เมื่อผู้ใช้เดินเข้าใกล้ร้านค้าหรือสถานที่ที่ร่วมกิจกรรม จะได้รับข้อความหรือข้อเสนอพิเศษที่เกี่ยวข้องกับเกมหรือภารกิจที่กำหนดไว้ การใช้กลยุทธ์นี้สามารถกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจมาเยือนร้านค้าหรือสถานที่จริง ส่งผลให้เกิดการเพิ่มยอดขายในระยะยาว ตัวอย่างเช่น ร้านค้าสามารถให้ลูกค้าสะสมแต้มจากการเล่นเกมตามสถานที่ต่าง ๆ และนำแต้มมารับส่วนลดหรือของรางวัลที่ร้านได้


ใช้กลยุทธ์ Omnichannel Loyalty Program แบบ Gamified

การสร้างโปรแกรมความภักดี (Loyalty Program) แบบ Omnichannel ที่ผสมผสานการใช้เกมเพิ่มยอดขายเข้ามา เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถเชื่อมโยงลูกค้าระหว่างออนไลน์และออฟไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้บริโภคสามารถสะสมแต้มจากการทำกิจกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อสินค้าผ่านแอปพลิเคชัน การแชร์โพสต์ หรือการแนะนำเพื่อน รวมไปถึงการร่วมกิจกรรมที่จัดขึ้นในร้านค้าจริง ซึ่งการให้รางวัลในรูปแบบที่สนุกสนานและแข่งขันได้เช่นนี้ จะทำให้ผู้บริโภครู้สึกมีส่วนร่วมและต้องการกลับมาซื้อสินค้าหรือใช้บริการอย่างต่อเนื่อง อันนำไปสู่การสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวระหว่างธุรกิจกับลูกค้า


Social Commerce Gamification ใช้พลังของโซเชียลมีเดียผสานกับความสนุกของเกม

การใช้โซเชียลมีเดียร่วมกับกลยุทธ์การตลาดผ่านเกม เป็นอีกหนึ่งแนวทางที่สามารถดึงดูดความสนใจของลูกค้าในยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดี โดยการจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเล่นเกมบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Facebook, Instagram หรือ TikTok สามารถกระตุ้นให้ผู้ใช้งานมีส่วนร่วมกับแบรนด์อย่างง่ายดาย ตัวอย่างเช่น การจัดเกมที่ให้ผู้เล่นสามารถสะสมแต้มจากการทำภารกิจ ไม่ว่าจะเป็นการแชร์โพสต์หรือการเขียนรีวิวสินค้า จากนั้น สามารถนำแต้มที่สะสมไปแลกรับส่วนลดหรือของรางวัลจากร้านค้า ซึ่งทำให้ธุรกิจสามารถเชื่อมโยงระหว่างการขายออนไลน์และการกระตุ้นให้ผู้บริโภคไปเยือนร้านจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

รวมเทคโนโลยีล้ำสมัยที่จะช่วยยกระดับกลยุทธ์การตลาดผ่านเกม สำหรับธุรกิจค้าปลีก


AI และ Machine Learning สำหรับ Personalized Gamification

การใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Machine Learning เพื่อปรับแต่งประสบการณ์การเล่นเกมให้ตรงกับความสนใจของแต่ละบุคคล สามารถช่วยเพิ่มความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้าและแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ระบบ AI สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อของลูกค้าและนำข้อมูลที่ได้มาปรับแต่งภารกิจหรือเกมต่าง ๆ ที่ลูกค้าจะเล่น ซึ่งจะทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงความใกล้ชิดและส่วนตัวในการเข้าร่วมกิจกรรม ถือเป็นโอกาสในการใช้เกมเพิ่มยอดขายและสร้างความภักดีจากลูกค้า (Customer Loyalty) ได้อย่างยั่งยืน


Blockchain สำหรับ Token-based Rewards

การใช้เทคโนโลยี Blockchain เพื่อสร้างระบบรางวัลแบบ Token-based เป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ช่วยเสริมสร้างความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือในการจัดการ Loyalty Program โดยลูกค้าสามารถสะสมหรือแลกเปลี่ยน Token ได้อย่างอิสระและปลอดภัย ระบบนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้การแลกเปลี่ยนรางวัลเป็นไปอย่างรวดเร็วและตรงไปตรงมา แต่ยังช่วยสร้างความน่าสนใจและความคุ้มค่าให้แก่ลูกค้าที่เข้าร่วมโปรแกรมอีกด้วย


IoT และ Smart Retail

การใช้ IoT (Internet of Things) และเทคโนโลยี Smart Retail ในการพัฒนาและปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าในร้านค้าจริง ๆ ช่วยเสริมกลยุทธ์ Gamification ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การใช้เซนเซอร์เพื่อจับข้อมูลพฤติกรรมการเดินชมสินค้าในร้านและนำมาปรับปรุงเกมหรือกิจกรรมที่สามารถกระตุ้นการมีส่วนร่วมได้อย่างรวดเร็ว และยังช่วยให้เจ้าของร้านค้าสามารถเสนอสินค้าหรือโปรโมชั่นที่ตรงใจลูกค้าได้มากขึ้น



Case Study: ตัวอย่างความสำเร็จของธุรกิจค้าปลีกที่ใช้ O2O Gamification


Central Retail กับแคมเปญ “Treasure Hunt”

หนึ่งในตัวอย่างที่เด่นชัดในการใช้กลยุทธ์ O2O Gamification คือ แคมเปญ "Treasure Hunt" ของ Central Retail ที่นำการเล่นเกมมาผสานกับการตลาดแบบ O2O กล่าวคือ เป็นการรวมเทคโนโลยี AR และ NFT เข้าด้วยกันเพื่อดึงดูดลูกค้า โดยลูกค้าสามารถค้นหา NFT ได้ทั้งในโหมดเสมือนจริง (Virtual Mode) และโหมด AR ที่ต้องเข้าไปยังร้านค้าจริงเพื่อรับรางวัล ซึ่งช่วยเพิ่มยอดขายและสร้างประสบการณ์การช็อปปิงที่น่าสนใจ


การใช้เกมในการกระตุ้นความสนใจของลูกค้าทำให้เกิดการมีส่วนร่วมทั้งทางออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน รวมไปถึงการเร่งการตัดสินใจให้ทำการซื้อสินค้าในร้านเพื่อรับรางวัล ซึ่งทำให้แคมเปญนี้สามารถดึงดูดลูกค้าได้เป็นจำนวนมากและช่วยเพิ่มยอดขายได้สูงขึ้นกว่าการทำการตลาดแบบปกติ

 

ดังนั้น ในยุคที่ลูกค้ามีทางเลือกมากมายและความภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty) ลดลง Gamification ที่เชื่อมโยงออนไลน์และออฟไลน์อย่างไร้รอยต่อจึงไม่ใช่เพียงเครื่องมือเสริม แต่เป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจสร้างความแตกต่าง กระตุ้นการมีส่วนร่วม และที่สำคัญที่สุดคือสร้างรายได้ที่เติบโตอย่างยั่งยืน องค์กรที่สามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลล้ำสมัยผสานกับความเข้าใจเชิงลึกในพฤติกรรมผู้บริโภคจะเป็นผู้นำในการสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจและเหนือความคาดหมาย


หากคุณกำลังมองหาความช่วยเหลือในการพัฒนาและดำเนินกลยุทธ์การตลาดผ่านเกม หรืออยากให้แคมเปญ Gamification ของคุณเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ การร่วมมือกับ Digital Marketing Agency ที่มีความเชี่ยวชาญในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและกลยุทธ์ที่ล้ำสมัยจะสามารถทำให้คุณก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง

Loading...

ร่วมเปิดกล่องโอกาส
แห่งอนาคตด้วยกัน

Contact

Brief Us

ง่ายและรวดเร็ว
เราจะติดต่อกลับภายใน 24 ชั่วโมง

facebook chat

คุยกับทีมฝ่ายขาย

ให้บริการ จันทร์ถึงศุกร์
9:00 น. - 19:00 น.

mobile

โทรติดต่อฝ่ายขาย

ให้บริการ จันทร์ถึงศุกร์
9:00 น. - 19:00 น.