Share of Voice คืออะไร ? ตัวชี้วัดความ 'ดัง' ที่คุณต้องรู้

Share of Voice คืออะไร ? รู้จักวิธีวัดความดังของแบรนด์ในตลาด

สมัยนี้ แบรนด์ที่ต้องการประสบความสำเร็จไม่อาจพึ่งพาการทำโฆษณาเพียงอย่างเดียวได้อีกต่อไป เพราะการสร้างการรับรู้ (Brand Awareness) และการครองพื้นที่สื่อเป็นสิ่งที่ช่วยให้แบรนด์อยู่ในใจลูกค้า ซึ่งนี่คือเหตุผลที่ทำให้ “Share of Voice (SOV)” กลายเป็นตัวชี้วัดหลักที่นักการตลาดทั่วโลกให้ความสำคัญ หากแบรนด์ของคุณเป็นเพียงเสียงเล็ก ๆ ที่ถูกกลบด้วยเสียงของคู่แข่งเจ้าใหญ่ ๆ ย่อมเป็นเรื่องยากที่ลูกค้าจะจดจำและเลือกคุณแทนแบรนด์อื่น หลายแบรนด์จึงเลือกที่จะร่วมงานกับ Digital Marketing Agency ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อวางกลยุทธ์และเพิ่ม SOV ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

Share of Voice คืออะไร ?

Share of Voice หรือ SOV คือ สัดส่วนของการสื่อสารที่แบรนด์ของคุณมีเมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาด โดยจะเป็นการคำนวณว่าแบรนด์ของคุณมีการแสดงตัวหรือการสื่อสารกับผู้บริโภคในช่องทางต่าง ๆ มากน้อยเพียงใดเมื่อเทียบกับธุรกิจในอุตสาหกรรมเดียวกัน สามารถวัดผลได้จากหลากหลายช่องทางการสื่อสาร เช่น

• โฆษณา (Paid Media) เปอร์เซ็นต์ของงบโฆษณาที่คุณใช้ในการโฆษณาผ่านสื่อ Paid Media เปรียบเทียบกับคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน การลงทุนในสื่อโฆษณาเหล่านี้จะสะท้อนถึงความสามารถในการเข้าถึงผู้บริโภคผ่านสื่อที่คุณจ่ายเงินให้
• สื่อที่แบรนด์เป็นเจ้าของ (Owned Media) จำนวนการเข้าชมเว็บไซต์ หรือการมีส่วนร่วมในโซเชียลมีเดียของแบรนด์ เช่น การกดไลก์ แชร์ หรือคอมเมนต์บนโพสต์ของแบรนด์ การมีส่วนร่วมนี้สามารถวัดได้ว่าแบรนด์ของคุณมีการตอบสนองและการสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าอย่างไร
• การถูกกล่าวถึงในสื่อ (Earned Media) จำนวนบทความ การรีวิว หรือการพูดถึงแบรนด์จากสื่อหรือผู้บริโภค โดยที่แบรนด์ไม่ได้จ่ายเงินให้กับการเผยแพร่ข้อมูลนี้ ซึ่งการพูดถึงในสื่อมวลชน หรือการรีวิวจากผู้บริโภคจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและความเป็นที่รู้จักในตลาดมากขึ้น
• SEO (Search Engine Optimization) และ Search Visibility ส่วนแบ่งของการแสดงผลในผลการค้นหาบน Search Engine เช่น Google เมื่อมีคนค้นหาคำที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์ของคุณ โดยการวัดผลนี้จะช่วยให้คุณเห็นว่าแบรนด์ของคุณสามารถปรากฏในผลการค้นหามากน้อยแค่ไหนเมื่อเทียบกับคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน

ความสำคัญของ Share of Voice คืออะไร ?

การวัด Share of Voice หรือ SOV ไม่ใช่แค่การมองเห็นภาพรวมของการสื่อสารของแบรนด์ในตลาดเท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญในหลาย ๆ ด้านที่สามารถนำมาปรับใช้ในการพัฒนากลยุทธ์การตลาดให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ดังนี้

ช่วยประเมินสถานะของแบรนด์ในตลาด

การคำนวณ SOV คือตัวช่วยให้แบรนด์เห็นว่าตัวเองอยู่ในสถานะใดเมื่อเทียบกับคู่แข่ง การมี SOV สูงหมายความว่าแบรนด์ของคุณมีการสื่อสารและการมองเห็นที่ดีกว่าในตลาด ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของแบรนด์ในด้านการตลาดและการสร้างความรู้จักในกลุ่มเป้าหมาย

สะท้อนถึงโอกาสในการเติบโต

จากการศึกษาพบว่าแบรนด์ที่มี SOV สูงกว่าคู่แข่งมักจะมีโอกาสในการเติบโตในตลาดสูงกว่า ซึ่งการมี SOV ที่สูงจะช่วยให้แบรนด์มีโอกาสเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด (Share of Market หรือ SOM) ได้เร็วขึ้น

ช่วยวางกลยุทธ์ทางการตลาดได้อย่างแม่นยำ

การมีข้อมูล SOV ที่ชัดเจนจะช่วยให้แบรนด์สามารถวางแผนกลยุทธ์การตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัวอย่างเช่น การวิเคราะห์ SOV สามารถช่วยให้แบรนด์ตัดสินใจได้ว่าจะเพิ่มงบโฆษณาในช่องทางไหน หรือจะปรับกลยุทธ์ SEO เพื่อเพิ่มการมองเห็นในผลการค้นหาของ Google ได้อย่างไร นอกจากนี้ ยังสามารถช่วยให้แบรนด์ตัดสินใจในการสร้างเนื้อหาหรือแคมเปญที่กระตุ้นการมีส่วนร่วมจากกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น

วิธีการคำนวณ Share of Voice

Share of Voice = (การเข้าถึงของแบรนด์/การเข้าถึงทั้งหมดในตลาด) × 100

ตัวอย่างเช่น สมมติว่าแบรนด์ A (แบรนด์ของคุณ) กับแบรนด์ B และ C เป็นคู่แข่งในตลาดเดียวกัน และต้องการคำนวณ SOV ของแบรนด์ A ในตลาดนี้

ข้อมูลที่ใช้คำนวณ

• การเข้าถึงของแบรนด์ A = 50,000 ครั้ง (เช่น การเข้าชมเว็บไซต์ การพูดถึงในสื่อและโฆษณา)
• การเข้าถึงของแบรนด์ B = 40,000 ครั้ง
• การเข้าถึงของแบรนด์ C = 30,000 ครั้ง
• การเข้าถึงทั้งหมดในตลาด = การเข้าถึงของแบรนด์ A + B + C = 50,000 + 40,000 + 30,000 = 120,000 ครั้ง

การคำนวณ Share of Voice

Share of Voice = (50,000/120,000) × 100 = 41.67%

จากการคำนวณนี้ แบรนด์ A จะมี SOV 41.67% ซึ่งหมายความว่าแบรนด์ของคุณมีการสื่อสารและมองเห็นในตลาดถึง 41.67% เมื่อเทียบกับแบรนด์คู่แข่งทั้งสองแบรนด์ โดยค่า SOV คือสิ่งที่จะช่วยให้แบรนด์ของคุณสามารถประเมินสถานะในตลาดและวางกลยุทธ์การตลาดให้เหมาะสมยิ่งขึ้น

วิธีเพิ่ม Share of Voice ให้แบรนด์มีชื่อเสียงมากยิ่งขึ้น

ใช้งบโฆษณาให้เกิดผลลัพธ์สูงสุด

การลงทุนในโฆษณามีบทบาทสำคัญในการเพิ่ม SOV เช่น การใช้กลยุทธ์ Programmatic Advertising หรือการทำ Targeted Ads เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง โดยลดต้นทุนโฆษณาและเพิ่มผลลัพธ์สูงสุด ช่วยให้แบรนด์สามารถปรากฏในที่ที่เหมาะสมและดึงดูดความสนใจได้มากขึ้น

สร้างเนื้อหาคุณภาพที่ดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย

การสร้าง Content Marketing ที่มีคุณภาพสูงและตรงกับความสนใจของกลุ่มเป้าหมายจะช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมและการพูดถึงแบรนด์อย่างมาก เช่น การสร้าง Video Content ที่น่าสนใจ หรือการใช้ Influencer Marketing ในการโปรโมตแบรนด์

ใช้โซเชียลมีเดียให้เป็นประโยชน์

โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือที่มีพลังในการเพิ่ม SOV อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการโพสต์เนื้อหาที่ตรงกับความสนใจของผู้บริโภค การตอบคำถาม หรือการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ติดตาม จะช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมและความรู้สึกเชื่อมโยงระหว่างแบรนด์และกลุ่มเป้าหมาย

เพิ่มอันดับเว็บไซต์ในผลการค้นหาโดยใช้เทคนิค SEO ที่เหมาะสม

การใช้ SEO เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่สำคัญในการเพิ่ม SOV โดยการปรับเนื้อหาเว็บไซต์และการใช้คำค้นหาที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายจะช่วยให้เว็บไซต์ของแบรนด์ปรากฏในอันดับต้น ๆ ของผลการค้นหาบน Google และเมื่อแบรนด์ของคุณมีการมองเห็นที่สูงขึ้นในผลการค้นหา การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

กระตุ้นให้เกิด Earned Media

การได้รับ Earned Media หรือการพูดถึงแบรนด์จากแหล่งภายนอก เช่น การรีวิวสินค้าในบล็อก การแชร์ประสบการณ์จากลูกค้า หรือการแนะนำปากต่อปากจากผู้บริโภค จะช่วยสร้างการรับรู้ในวงกว้างและเพิ่มความเชื่อมั่นในตัวแบรนด์ ซึ่งการกระตุ้นให้เกิดการพูดถึงแบรนด์ในเชิงบวกผ่านสื่อมวลชนหรือจากลูกค้าในลักษณะนี้จะช่วยเพิ่ม SOV ได้อย่างยั่งยืน

Share of Voice คือตัวชี้วัดที่มีความสำคัญต่อกลยุทธ์ทางการตลาด ช่วยให้แบรนด์เข้าใจตำแหน่งของตนเองในตลาด และสามารถใช้เป็นแนวทางในการปรับกลยุทธ์เพื่อเพิ่มการมองเห็นและส่วนแบ่งตลาดได้ การเพิ่ม SOV ไม่ได้หมายถึงการใช้เงินมากขึ้นเสมอไป แต่ต้องใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสมเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ และนี่คือเหตุผลที่หลายแบรนด์เลือกปรึกษา Digital Marketing Agency ที่มีประสบการณ์ เพื่อวางแผนการใช้งบประมาณและทรัพยากรอย่างคุ้มค่าที่สุด