แนะนำ 12 AI ช่วยทำงาน เซฟเวลาให้ธุรกิจเดินหน้าได้เร็วขึ้น
สำหรับการทำงานในยุคดิจิทัล นอกจากจะต้องอาศัยความสามารถของมนุษย์แล้ว ยังต้องพึ่งพาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในการดำเนินงานด้วย ซึ่ง AI ช่วยทำงาน ได้กลายมาเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจและองค์กรทุกระดับสามารถแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่การจัดการเอกสาร การวิเคราะห์ข้อมูล การทำตลาด ไปจนถึงการออกแบบและสร้างสรรค์คอนเทนต์
อย่างไรก็ดี ปัจจุบัน AI ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่เท่านั้น แต่ยังถูกนำมาใช้ในองค์กรภาครัฐ ธุรกิจ SME และสตาร์ตอัป เพื่อยกระดับการทำงานและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ดังนั้น มารู้จัก 12 เครื่องมือ AI อัจฉริยะ ที่จะช่วยให้ธุรกิจและองค์กรของคุณทำงานได้เร็วขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงลดภาระงานที่ซ้ำซ้อน เพื่อให้คุณสามารถมุ่งเน้นไปที่การสร้างสรรค์และการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ได้ดีกว่าที่เคย
AI สำหรับใช้ในการทำงาน มีอะไรบ้าง ? ชี้เป้า 12 เครื่องมือ AI ที่ตอบโจทย์ทุกประเภทของงาน
AI ช่วยทำงานด้านเอกสารและข้อมูล
1. ChatGPT – AI หาข้อมูล ประมวลผลข้อมูล และเขียนคอนเทนต์
หนึ่งในเครื่องมือ AI ที่น่าสนใจและได้รับความนิยมสูงสุด ณ เวลานี้ คงเป็นใครไปไม่ได้อีกนอกจาก ChatGPT ซึ่งสามารถช่วยในการเขียน สรุปข้อมูล ตอบคำถาม และสร้างคอนเทนต์เชิงลึกได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสำหรับการใช้ในองค์กรที่ต้องการตัวช่วยด้าน AI หาข้อมูล เขียนเอกสาร หรือสนับสนุนการทำงานด้านการตลาด
ทดลองใช้ ChatGPT : https://chatgpt.com/
2. Grammarly – AI ช่วยตรวจสอบไวยากรณ์และปรับปรุงการเขียน
สำหรับองค์กรที่ต้องการความแม่นยำในการสื่อสาร Grammarly เป็นเครื่องมือ AI ที่ช่วยตรวจสอบไวยากรณ์ ปรับโทนการเขียน และลดข้อผิดพลาดในการสื่อสารทางธุรกิจ เหมาะสำหรับนักเขียน นักการตลาด และผู้ที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษอย่างเป็นทางการ
ทดลองใช้ Grammarly : https://www.grammarly.com/
3. Claude – AI ช่วยทำงานด้านการวิเคราะห์และสร้างคอนเทนต์
Claude เป็นเครื่องมือ AI หาข้อมูล สรุปข้อมูล วิเคราะห์เนื้อหา และเขียนบทความในเชิงลึกได้อย่างแม่นยำ ด้วยการออกแบบให้มีความเข้าใจในบริบทและโทนเสียงภาษาไทยที่เป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการเครื่องมือช่วยในการสร้างคอนเทนต์คุณภาพสูง
ทดลองใช้ Claude : https://claude.ai/new
4. Gemini – AI อัจฉริยะจาก Google
Gemini เป็น AI ที่พัฒนาโดย Google (เดิมคือ Bard) มีจุดเด่นในการให้ข้อมูลเชิงลึก ตอบคำถาม และช่วยงานด้านการวิเคราะห์ข้อมูล เหมาะสำหรับนักวิจัย นักการตลาด และองค์กรที่ต้องการข้อมูลอัปเดตแบบเรียลไทม์ จุดเด่นของ AI ช่วยทำงานตัวนี้คือคลังข้อมูลจะมาจาก Google ทั้งหมด ทำให้มีความแม่นยำสูง
ทดลองใช้ Gemini : https://gemini.google.com/app
5. Jasper – AI ช่วยสร้างเนื้อหาโฆษณาและบทความ
Jasper AI เหมาะสำหรับนักการตลาดที่ต้องการสร้างเนื้อหาคุณภาพสูงสำหรับโฆษณา บล็อกโพสต์ และแคมเปญดิจิทัล ช่วยให้การผลิตคอนเทนต์เป็นเรื่องง่ายและรวดเร็วยิ่งกว่าที่เคย
ทดลองใช้ Jasper : https://www.jasper.ai/
AI สำหรับการบริหารจัดการและวิเคราะห์ข้อมูล
6. Notion – AI ผู้ช่วยด้านการจัดการโปรเจกต์และบันทึกข้อมูล
Notion AI สามารถช่วยสรุปประชุม จัดระเบียบข้อมูล และช่วยให้ทีมทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการระบบจัดการงานที่มี AI ช่วยให้กระบวนการทำงานเป็นระเบียบยิ่งขึ้น
ทดลองใช้ Notion : https://www.notion.com/
7. Tableau – AI วิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจ
Tableau เป็น AI ช่วยทำงานด้านการวิเคราะห์ข้อมูล ช่วยเปลี่ยนข้อมูลดิบให้กลายเป็น Insight ทางธุรกิจที่มีประโยชน์ เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการตัดสินใจทางธุรกิจโดยอิงจากข้อมูลที่แม่นยำและเข้าใจง่าย
ทดลองใช้ Tableau : https://www.tableau.com/
AI สำหรับการช่วยเหลือภาครัฐและองค์กรขนาดใหญ่
8. IBM Watson – AI ช่วยทำงานวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่
IBM Watson เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือ AI ที่น่าสนใจ เพราะสามารถช่วยภาครัฐและองค์กรขนาดใหญ่ในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกได้ ส่วนใหญ่มักใช้ในการประมวลผลข้อมูลด้านสุขภาพ กฎหมาย และธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทดลองใช้ IBM Watson : https://www.ibm.com/watson
9. UiPath – AI สำหรับการทำงานอัตโนมัติ (RPA)
UiPath เป็น AI ที่ช่วยองค์กรภาครัฐและเอกชนในการทำงานที่เป็นกิจวัตร เช่น การประมวลผลเอกสาร การตรวจสอบข้อมูล และการดำเนินงานด้านการเงินโดยอัตโนมัติ
ทดลองใช้ UiPath : https://www.uipath.com/
AI ช่วยทำงานออกแบบและสร้างสรรค์
10. Canva – AI ออกแบบกราฟิกและคอนเทนต์
เชื่อว่าคนยุคใหม่คงไม่มีใครไม่รู้จัก Canva เครื่องมือ AI ที่ช่วยให้การออกแบบเป็นเรื่องง่ายแม้ไม่มีทักษะด้านกราฟิก รองรับการสร้างภาพ คอนเทนต์โซเชียลมีเดีย และการนำเสนอธุรกิจได้อย่างมืออาชีพ
ทดลองใช้ Canva : https://www.canva.com/th_th/
11. Synthesia – AI สร้างวิดีโอโดยไม่ต้องถ่ายทำ
Synthesia เป็น AI ที่ช่วยสร้างวิดีโอแบบมืออาชีพโดยไม่ต้องใช้ทีมถ่ายทำจริง โดยคุณสามารถเลือกอวตาร์และเสียงพูดได้ตามต้องการ เหมาะสำหรับการสร้างวิดีโอนำเสนอและการฝึกอบรม
ทดลองใช้ Synthesia : https://www.synthesia.io/
12. Runway ML – AI สร้างสรรค์วิดีโอและภาพเคลื่อนไหว
Runway ML เป็น AI ที่ช่วยปรับแต่งวิดีโอ ตัดต่อ และสร้างสรรค์เนื้อหาเชิงภาพ เหมาะสำหรับนักสร้างคอนเทนต์และบริษัทที่ต้องการทำการตลาดผ่านวิดีโอ
ทดลองใช้ Runway ML : https://runwayml.com/
ข้อดีของการใช้ AI ในการทำงานมีอะไรบ้าง ?
เพิ่มประสิทธิภาพและความเร็ว
การใช้ AI ช่วยทำให้กระบวนการทำงานมีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพที่สูงขึ้น เนื่องจากเครื่องมือ AI สามารถประมวลผลข้อมูลจำนวนมากได้ในเวลาอันสั้น ซึ่งจะช่วยให้การดำเนินงานเสร็จสมบูรณ์ในระยะเวลาที่ลดลงอย่างมาก เช่น การใช้ AI ในการประมวลผลข้อมูลลูกค้าหรือการวิเคราะห์แนวโน้มในตลาดต่าง ๆ ก็สามารถทำได้ในเวลาไม่กี่วินาที เทียบกับการทำงานแบบดั้งเดิมที่ต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมงหรือหลายวัน
ลดข้อผิดพลาดจากมนุษย์
มนุษย์อาจทำข้อผิดพลาดได้จากการทำงานที่ซ้ำซากหรือในขณะที่ต้องรับมือกับข้อมูลจำนวนมาก ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่องาน แต่ AI สามารถทำงานด้วยความแม่นยำสูงในระดับที่มนุษย์ไม่สามารถทำได้ เช่น AI ในระบบตรวจจับการโกงทางการเงินสามารถตรวจสอบและจับข้อผิดพลาดได้ดีกว่ามนุษย์ เนื่องจาก AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลจากทุกมุมมองและใช้กฎที่ตั้งไว้ในการเปรียบเทียบการทำงานได้ตลอดเวลา
เพิ่มความสามารถในการคาดการณ์
เครื่องมือ AI มีความสามารถในการประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาลจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ซึ่งสามารถใช้ในการคาดการณ์แนวโน้มและพฤติกรรมของตลาด การเงิน หรือแม้กระทั่งการคาดการณ์เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ เช่น ในวงการการตลาด AI สามารถช่วยวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมของผู้บริโภคและทำนายแนวโน้มความต้องการของตลาดในอนาคต ซึ่งสามารถช่วยให้บริษัทวางแผนการผลิตและการขายได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
ข้อจำกัดของการใช้ AI ในการทำงานมีอะไรบ้าง ?
ขาดความคิดสร้างสรรค์และความเข้าใจเชิงลึก
แม้ว่า AI จะมีความสามารถในการประมวลผลข้อมูลและตัดสินใจได้ในหลายกรณี แต่ยังคงขาดความสามารถในการคิดสร้างสรรค์ หรือการตัดสินใจที่อาจต้องใช้การวิเคราะห์เชิงลึกที่ซับซ้อน การตัดสินใจบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์หรือสภาวะของมนุษย์ ยากที่จะถูกแทนที่ด้วย AI เช่น การออกแบบกราฟิกหรือการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ ซึ่งมักต้องใช้จินตนาการและความรู้สึกในการสร้างผลงานที่มีคุณค่าและโดดเด่น ดังนั้น AI จะไม่สามารถแทนที่ความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ในหลาย ๆ ด้านได้
การพึ่งพา AI หาข้อมูลมากเกินไป
AI สามารถทำงานได้ดีเมื่อได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนและมีคุณภาพ แต่หากข้อมูลที่ AI ใช้ในการฝึกฝนหรือประมวลผลไม่ถูกต้องหรือไม่สมบูรณ์ ผลลัพธ์ที่ได้อาจผิดพลาด เช่น การใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินที่ได้รับจากแหล่งข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือ ซึ่งอาจทำให้เกิดการตัดสินใจที่ผิด ดังนั้น อย่าพึ่งพา AI หาข้อมูลมากเกินไป แต่ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงทุกครั้งที่ได้รับข้อมูลมาจาก AI
ข้อจำกัดทางด้านเทคโนโลยี
แม้ว่าเครื่องมือ AI ที่น่าสนใจจะมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วในหลาย ๆ ด้าน แต่เทคโนโลยีของ AI ยังคงมีข้อจำกัดในบางกรณี เช่น AI อาจไม่สามารถเข้าใจหรือประมวลผลข้อมูลที่มีความซับซ้อน เช่น สัญญาณทางการแพทย์ที่มีความหลากหลายสูง หรือปัญหาที่ต้องใช้การคิดอย่างมีเหตุผลในหลาย ๆ ขั้นตอน AI ยังไม่สามารถทดแทนการตัดสินใจที่มีปัจจัยหลากหลายหรือสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ดังนั้น AI จึงไม่ใช่แค่เทร็นด์ แต่เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นด้านการจัดการข้อมูล การตลาด หรือการออกแบบ เครื่องมือ AI เหล่านี้ได้กลายมาเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ช่วยลดเวลาการทำงานและเพิ่มศักยภาพให้ธุรกิจเดินหน้าได้อย่างรวดเร็ว สำหรับองค์กรที่ต้องการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและนำ AI มาปรับใช้ในการดำเนินงาน การเริ่มต้นศึกษาหรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญอย่าง Tech Agency ที่มีประสบการณ์ ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สามารถช่วยให้ธุรกิจสามารถใช้ AI ช่วยทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในระยะยาว
Loading...