Reciprocity Marketing คืออะไร ? เทคนิคการให้อย่างมีคุณค่า
Reciprocity Marketing หรือการตลาดแบบตอบแทนซึ่งกันและกันนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่กลับเป็นกลยุทธ์ที่ใช้ได้ผลเสมอมาในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์และลูกค้าอย่างยั่งยืน หลักการสำคัญของเทคนิคนี้ไม่ซับซ้อนเลย เพียงแค่ต้องอาศัยความเข้าใจและการประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสม เพราะไม่ใช่ยึดติดว่า “ให้” แล้วจะต้อง “ได้” อย่างเดียว แต่ต้องเป็นการ “ให้” อย่างมีความหมาย เพื่อการ “ได้” สิ่งที่คุ้มค่าที่สุดกลับมา
Reciprocity Marketing คืออะไร ?
Reciprocity Marketing คือ กลยุทธ์การตลาดที่อาศัยหลักพื้นฐานทางจิตวิทยามนุษย์ นั่นคือ ความรู้สึกอยากตอบแทนเมื่อได้รับสิ่งดี ๆ ทว่าเป็นแนวคิดที่ลึกซึ้งกว่าการแลกเปลี่ยนแบบธรรมดา โดยมุ่งเน้นการสร้างคุณค่าให้กับลูกค้าก่อนที่จะคาดหวังผลตอบแทนใด ๆ
หากจะเปรียบเทียบ Reciprocity Marketing หรือการตลาดตอบแทน ก็คงเหมือนกับการสร้างความสัมพันธ์ส่วนตัวที่ลึกซึ้ง คล้ายกับการมอบของขวัญให้กับเพื่อนสนิทโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน แต่ในบริบทของการตลาด การให้นี้จะต้องมีความหมายและสร้างคุณค่าอย่างแท้จริงด้วย
ข้อดีของ Reciprocity Marketing คืออะไร ?
เป็นการ “ให้” ที่เหนือกว่าการตลาดทั่วไป
Reciprocity Marketing ไม่ใช่เพียงแค่การส่งเสริมการขาย แต่เป็นการสร้างประสบการณ์ที่มีความหมายระหว่างแบรนด์และลูกค้า การ “ให้” ในที่นี้จึงไม่ได้หมายถึงของแถมหรือส่วนลดเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการมอบคุณค่าที่เป็นประโยชน์แก่ลูกค้าจริง ๆ
ช่วยสร้างความสัมพันธ์แบบ Win-Win
กลยุทธ์การตลาดแบบตอบแทนซึ่งกันและกันนี้ช่วยสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจที่ทั้งสองฝ่ายได้ประโยชน์ กล่าวคือ ลูกค้าจะรู้สึกถึงความใส่ใจที่แบรนด์มีให้ ในขณะที่แบรนด์ก็จะได้รับความภักดี (Loyalty) เป็นการตอบแทน
เปลี่ยนลูกค้าให้เป็นแฟนพันธุ์แท้
เมื่อลูกค้ารู้สึกว่าได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ก็มีแนวโน้มที่พวกเขาจะกลายเป็นผู้สนับสนุนแบรนด์ตัวยง ทั้งยังมีโอกาสบอกต่อคนใกล้ชิด (Word of Mouth) และสร้างการรับรู้ (Brand Awareness) ให้กับแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย
เติมเต็ม DNA ของแบรนด์ด้วยความจริงใจ
Reciprocity Marketing ช่วยสะท้อนความจริงใจและค่านิยมขององค์กร แสดงให้เห็นว่าแบรนด์ไม่ได้มุ่งหวังแค่เพียงยอดขายเท่านั้น แต่ต้องการสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับลูกค้า
เทคนิคการทำ Reciprocity Marketing ให้ประสบความสำเร็จ
มอบคุณค่าก่อนที่จะคาดหวังผลตอบแทน
ตั้งแต่ต้นบทความจนมาถึงตรงนี้ คุณอาจเห็นคำว่า “คุณค่า” ไปหลายครั้งแล้ว นั่นเป็นเพราะว่าการมอบคุณค่าคือหัวใจสำคัญของ Reciprocity Marketing เนื่องจากการตลาดตอบแทนไม่ใช่เพียงแค่การให้ของแถม แต่เป็นการมอบคุณประโยชน์บางอย่างแก่ลูกค้า โดยรูปแบบของการให้อาจประกอบด้วย
- การจัดทำคู่มือ อินโฟกราฟิก หรือวิดีโอสอนทักษะที่เป็นประโยชน์โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
- การสร้างคลังความรู้ที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้ฟรี
- การให้คำปรึกษาหรือคำแนะนำโดยไม่มีค่าใช้จ่าย และไม่มีข้อผูกมัดใด ๆ
- การพัฒนาแอปพลิเคชันหรือเครื่องมือออนไลน์ที่ช่วยแก้ปัญหาของลูกค้า
ปรับแต่งการให้ให้เหมาะกับลูกค้าแต่ละกลุ่ม
เพราะความต้องการของคนแต่ละกลุ่มนั้นไม่เหมือนกัน การเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้งจึงถือเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างประสบการณ์ที่มีความหมายกับลูกค้าเป็นรายกลุ่มหรือรายบุคคล ซึ่งนักการตลาดสามารถทำได้โดย
- ใช้เครื่องมือวิเคราะห์เพื่อเข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้า
- แบ่งกลุ่มลูกค้า แล้ววางแผนสร้างประสบการณ์เฉพาะสำหรับแต่ละเซ็กเมนต์
- รับฟังเสียงของลูกค้าและนำมาปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
- ออกแบบข้อเสนอหรือโปรโมชันที่ตรงกับความสนใจเฉพาะบุคคล
เน้นการสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำ
ความประทับใจมักเกิดจากรายละเอียดเล็ก ๆ ที่แสดงถึงความใส่ใจเสมอ ดังนั้น นอกจากการมอบบริการที่ดีแล้ว หลักของ Reciprocity Marketing ยังต้องรู้จักสังเกตและเข้าใจความต้องการที่ลึกซึ้งของลูกค้า พร้อมแสดงความใส่ใจผ่านการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่นอกเหนือจากความคาดหวังของลูกค้า เช่น
- การช่วยแก้ปัญหาก่อนที่ลูกค้าร้องขอ
- สร้างการเชื่อมต่อเชิงอารมณ์ อาทิ การสร้างคอมมิวนิตีออนไลน์ที่ให้กำลังใจและแชร์ประสบการณ์ร่วมกัน
- สร้างประสบการณ์ที่สม่ำเสมอในทุกจุดสัมผัส (Touch Point) หากมีหลายสาขา ก็ต้องคงรูปแบบการบริการภายใต้มาตรฐานเดียวกันทุกสาขา
- มีการดูแลหลังการขาย ด้วยการติดตามผลและแสดงความห่วงใย
ใช้กลยุทธ์ Surprise and Delight
กลยุทธ์ Surprise and Delight ในการตลาดแบบตอบแทนซึ่งกันและกัน คือ การสร้างความประหลาดใจเชิงบวกแก่ลูกค้าโดยที่พวกเขาไมได้คาดคิดมาก่อน ทำให้ลูกค้ารู้สึกพิเศษและมีค่า และกระตุ้นให้เกิดความประทับใจอย่างฉับพลัน เช่น
- การมอบของพิเศษแก่ลูกค้าในโอกาสไม่คาดคิด ไม่จำเป็นต้องรอถึงวันเกิด หรือซื้อครบยอดที่กำหนด
- การอัปเกรดหรือเพิ่มคุณค่าให้กับสินค้าหรือบริการโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
- การร่วมฉลองความสำเร็จของลูกค้า อาทิ การแสดงความยินดีกับความก้าวหน้าในโอกาสต่าง ๆ
- การมอบประสบการณ์พิเศษ ด้วยการจัดกิจกรรมหรือให้สิทธิพิเศษเฉพาะ เพื่อสร้างความรู้สึกพิเศษ
สื่อสารความตั้งใจอย่างชัดเจน
การสื่อสารที่ตรงไปตรงมาและจริงใจจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ได้มากทีเดียว อย่าลืมว่ามนุษย์เราล้วนมีสัญชาตญาณในการรับรู้ความจริง ดังนั้น ลูกค้าจึงสามารถสัมผัสได้ถึงความจริงใจหรือความพยายามปกปิดเสมอ โดยสิ่งที่ธุรกิจควรทำ ได้แก่
- การแสดงความความโปร่งใส ด้วยการเปิดเผยข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา
- การสื่อสารแบบสองทิศทาง เปิดโอกาสให้ลูกค้าแสดงความคิดเห็นด้วย
- การเล่าเรื่องราวของแบรนด์ เพื่อสื่อสารคุณค่าและเป้าหมายขององค์กรสู่สาธารณะ
- การให้ความสำคัญกับการสื่อสารที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
Reciprocity Marketing คือเทคนิคที่ไม่ได้เพียงสร้างยอดขาย แต่เป็นการสร้างแบรนด์ที่ทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นและพร้อมจะสนับสนุนในระยะยาว จากการเป็น “ผู้ให้” สิ่งดี ๆ ที่สร้างคุณค่าในชีวิตของลูกค้า อันเป็นสิ่งที่ทำให้แบรนด์ของคุณโดดเด่นและแตกต่างในโลกการตลาดที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน เพราะสุดท้ายแล้ว การให้ไม่ใช่แค่เรื่องของกลยุทธ์ แต่คือหัวใจของการตลาดที่แท้จริง
Loading...